ที่พักวังน้ำเขียว - พักชิลๆ โอโซนเต็มปอดที่วังน้ำเขียว
อื้อหืมม! อากาศบริซู้ด บริสุทธิ์ ถูกแล้วครับไหนๆ มาเที่ยวสถานที่ีอันอุดมไปด้วยมวลบรรยากาศดี หากได้เอนหลังพิงกายในที่พักแจ่มๆ คงจะเพอร์เฟ็กต์อย่างบอกไม่ถูก และก็ไม่ต้องไปเสียเวลาเดาหาที่ไหน เพราะนายจานิโอ้คนนี้ เตรียมมาให้เพื่อนๆ ชมกันแล้วครับ
1. เวลาเวียน รีสอร์ท (Veravian Resort)
กลุ่มกังหันลมสีขาวตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่าดูสวยงามอย่างน่าสนใจ เนื่องเพราะจะมีสักกี่แห่งในประเทศที่จะเอากังหันมาทำประโยชน์ได้แบบนี้ ว่าแล้วก็ชวนเท้าตัวเองวาดก้าวในองศาที่สูงจากพื้นดิน เหยียบลงไปในสนามหญ้านุ่มๆ ตอนนี้แทบทุกอณูในเลนส์คู่สายตาเต็มไปด้วยสีเขียวขจี ในความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทั้งจากผืนดินที่กำลังทรงตัว เหล่าบรรดาแมกไม้ในที่พัก ทอดอารมณ์ไปกับทัศนียภาพไกลสุดสายตาของอำเภอวังน้ำเขียว ซึ่งเบื้องหลังเป็นขุนเขาขนาดใหญ่สวยงามเรียงตัวสลับซ้อนกัน รวมถึงยังมีมวลความเย็นคอยปลอบประโลม พร้อมอากาศอันแสนบริสุทธิ์ ให้รู้สึกสดชื่นได้ทันทีที่เข้ามาใน “เวลาเวียน รีสอร์ท”
แค่ชื่อรีสอร์ทก็เล่นเอาสะดุดหูทุกคราที่ได้ยินแล้วใช่ไหมล่ะครับ แถมทำเลที่ตั้งก็ยอดเยี่ยมกับการฝังตัวอยู่บนเขา นั่นเท่ากับว่าใครที่กำลังเสิร์ชหาสถานบรรทมอากาศเย็นๆ ก็จดที่พักแห่งนี้เอาไปอยู่ในลิสต์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เรื่องของการตกแต่งอาจจะดูเรียบง่าย ทว่ากลับแฝงไปด้วยความหรูหราสะดวกสบายแบบจัดเต็ม ผสมผสานกับความมีคอนเซปท์ในการดีไซน์โดยจะเน้นไปที่ความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกังหันลมที่ไม่ได้เอามาตั้งแป้นแล้นกันเฉยๆ แต่เค้านำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าภายในห้องพัก แล้วยังติดแผงโซล่าเซลล์พร้อมปูสนามหญ้าบริเวณด้านบนห้องพัก เอาไว้ช่วยดูดซับแสงแดดเพื่อลดความร้อน ดังนั้นความเย็นจึงเพิ่มขึ้นมาอีกหลายดีกรี
ในส่วนห้องพักของที่นี่ก็มีหลากหลายรูปแบบให้คุณเลือกสรร เริ่มจากแบบแรกห้อง Second Deluxe ภายในประกอบด้วยเตียงเดี่ยว 2 เตียง ความโดดเด่นอยู่ที่การใช้หินเป็นวัสดุหลักของห้อง จึงทำให้ได้รับไอความเย็นฉ่ำจากธรรมชาติที่กระจายตัวออกมาจากหิน (ราคาเริ่มต้น 2,500 บาท)
ส่วนใครที่ชอบความกว้างขวางสะดวกสบายและเป็นส่วนตัว แนะนำห้อง Minute Suite ซึ่งด้านในมีความโอ่โถงคอยต้อนรับอยู่ตรงหน้า ไพศาลกับพื้นที่ใช้สอยที่ให้คุณได้ลั้ลลาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะหันหรือเขยื้อนกายไปทางไหนสิ่งอำนวยความสะดวกก็ต่างรายล้อมอยู่รอบ ตัว ความเจ๋งอีกอย่างต้องยกให้ “ห้องน้ำ” ที่เห็นแล้วบอกได้คำเดียวว่า “จะกว้างไปไหนครับพี่” แถมยังแยกโซนเปียก-โซนแห้งไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งส่วน Shower ก็มีให้เลือกทั้งแบบ In Door และแบบ Out Door ที่สามารถใกล้ชิดกับธรรมชาติได้อย่างแนบแน่น ไฮไลต์อีกอย่างที่ไม่ควรพลาดคือการชมทิวทัศน์อันงดงามริมระเบียง กับจุดชมวิวในมุมที่สูงที่สุดของวังน้ำเขียว (ราคาเริ่มต้น 3,500 บาท)
หรือใครจะจัดหนักกับที่พักขนาดใหญ่เบิ้ม 2 ชั้น บรรยากาศแสนสงบ Hour Villa ภายในประกอบด้วย 2 ห้องนอนและ 2 ห้องน้ำ ไฮไลต์อยู่ที่สระว่ายน้ำส่วนตัวที่พร้อมให้คุณแหวกว่ายได้ทุกเวลา รวมทั้งระเบียงชมดาวและลานนั่งเล่น สำหรับเนรมิตปาร์ตี้สนุกๆ ในหน้าบ้านคุณเอง (ราคาเริ่มต้น 8,000 บาท)
และห้องพักรูปแบบใหม่ล่ามาแรงแฝงครีเอทีฟ Capsule เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มี “วิถีชีวิตก้ำกึ่ง” คือใจนึงก็รักความเป็นธรรมชาติออกลุยๆ แบบผจญภัย อารมณ์เหมือนมากางเต้นท์ แต่ก็ยังแอบมีเยื่อใยกับความสบายของฟูกนิ่มๆ แอร์เย็นเจี๊ยบอันเหมาะจะเอกเขนกอยู่ใต้ผ้าห่มหนาๆ ขอเชิญมาซุกตัวในบ้านท่อแห่งนี้ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งเครื่องปรับอากาศ, โทรทัศน์ LCD แถมบริเวณนั่งเล่นขนาดย่อมๆ หน้าบ้าน (ราคาเริ่มต้น 1,500 บาท)
แบบสุดท้ายสัมผัสธรรมชาติกันอย่างถึงอารมณ์กับการนอน Tent เพื่อรับลมหนาวของวังน้ำเขียวชนิดเต็ม สตรีม แต่หมดห่วงเรื่องของความสะดวกสบายเพราะทางรีสอร์ทมีทั้งห้องน้ำและห้องอาบ น้ำอุ่นไว้คอยบริการอย่างพร้อมเพรียง
นอกจากนี้ทางรีสอร์ทยังมีกิจกรรมไว้ให้ผ่อนคลายอย่างมากมาย ทั้งการเติมความชุ่มฉ่ำกับสระว่ายน้ำใสๆ สุดหรูหรา, บรรเลงเพลงแข้งกับสนามฟุตบอล หรือออกกำลังกายฝึกความนิ่งในสนามเปตอง รวมทั้งยังมีอินเตอร์เน็ตไร้สายพร้อมให้คุณเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้อย่าง ทันใจ
ใครอ่านแล้วสนใจก็อย่ารอช้า แล่นฉิวจากอำเภอวังน้ำเขียวมุ่งหน้าสู่เขาแผงม้า ไปทางหมู่บ้านโพธิ์ทองพัฒนา ซึ่ง “เวลาเวียน รีสอร์ท” จะอยู่ใกล้กับเขาแผงม้าเลยครับ จุดสังเกตก็ไม่ต้องไปเมียงมองหาไกล ก็เจ้ากังหันลมนั่นเอง โทร. 083-111-5678 / 083-111-6789 (08:00-18:00น.) และเข้าไปอ่านรีวิวได้ที่ http://www.painaidii.com//business/135460/veravian-resort-30370/lang/th/ หรือคลิ๊กเข้ามา www.veravian.com
เวลาเวียนรีสอร์ท (Veravian Resort)
2. บ้านไอดิน (Ban Idin)
เก้าอี้ลวดลายคลาสสิกใต้เงาของร่มเก๋ๆ ที่น่าจะวางอยู่ในร้านกาแฟสุดเดิร์น กลับถูกนำมาโชว์ตัวบนสนามหญ้าเขียวชอุ่มในที่พักดีไซน์อาร์ท ซึ่งมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นไม่เหมือนใครนามว่า “บ้านไอดิน” โดยการตกแต่งเน้นไปที่ความมีสไตล์ปนความเป็นศิลปะ เติมแต่งด้วยลูกเล่นน่ารักๆ ที่พร้อมจะเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าได้อย่างไม่ขัดเขิน
บรรยากาศภายในที่พักเย็นฉ่ำด้วยไอหนาวเคล้าสายหมอกแห่งยามเช้า ในอ้อมกอดของขุนเขาที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์จากภาคอีสาน ให้คุณสูดโอโซนเข้าปอดได้อย่างเต็มที่ แถมเหมาะอย่างยิ่งสำหรับช่วงเวลาเย็นย่ำหรือรุ่งอรุณที่จะมานั่งละเลียดความ หนาวคลายความระอุจากเมืองกรุง พร้อมยังสามารถจูงแขนแกว่งขาชวนกันมาสดชื่นกับเครื่องดื่มรสกลมกล่อมมากมาย ที่จะสร้างอารมณ์ชิลล์ๆ ในร้านสุดเก๋ไก๋ “หอมกรุ่นกาแฟ”
ตัดสลับมาเล่ากันถึงไฮไลต์ประจำรีสอร์ทกับห้องพักเก๋ๆ โดยทันทีที่เหยียบเข้าบ้านดิน มวลความรู้สึกแรกที่เล็ดลอดออกมาทักทาย คือความเย็นยะเยือกราวกับกำลังทรงตัวอยู่บนเนินเขาสูง เล่นเอาประทับใจในอากาศดีๆ ที่ไม่ต้องง้อแอร์กันยกใหญ่ รวมทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน แต่ใช่ว่าจะดีไซน์ห้องพักแบบบ้านดินแล้วจบๆ กันไป เพราะภายในของแต่ละหลังได้ถูกรังสรรค์ออกมาในคอนเซปท์ที่แตกต่างกันออกไป จึงน่าจะทำให้ถูกใจสำหรับผู้ที่ต้องการผละออกจากความจำเจ
อย่าง “บ้านไอดิน ๑” จะตกแต่งแบบเรียบง่าย มีมุ้งเก๋ๆ ครอบเตียงนุ่มๆ ไฮไลต์ของบ้านหนีไม่พ้นห้องน้ำที่ได้รับการออกแบบสไตล์ธรรมชาติอย่างสุดลิ่ม อันจะช่วยบิ้วต์อารมณ์ให้คุณเคลิบเคลิ้มราวกับกำลังซู่ซ่า อยู่ในพงไพรกลางน้ำตกใสไหลเย็น ต่อกันด้วย “บ้านไอดิน ๒” เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่ควงแขนหวานใจมาทำสวีท เพราะตัวห้องถูกตกแต่งกันในสไตล์โมร็อคโค ออกแบบเตียงนอนให้เป็นรูปหัวใจ โดยจะเน้นการใช้สีแดงอันแสดงถึงความรักเป็นสีหลักอีกด้วย
ส่วนใครที่หลงไหลในเสน่ห์ความเป็นอิงลิชแลนด์แดนผู้ดี ให้จรลีมายัง “บ้านไอดิน ๓” ซึ่งตกแต่งในสไตล์อังกฤษคันทรี่ เน้นการประดับประดาด้วยดอกไม้ในทุกรายละเอียด แถมบริเวณบ้านยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากดอกกุหลาบอังกฤษที่ปลูกไว้รอบบ้านคอยขับกล่อม พร้อมด้วยชิงช้าเก๋ๆ หน้าบ้านให้คุณได้แกว่งไกวอย่างมีความสุข
สำหรับใครที่ยกขบวนกันมาหลายพระหน่อ ทางที่พักเองก็มีห้องไว้คอยต้อนรับอย่างเพียงพอ ได้แก่ “บ้านชมดาว” ที่พักกันได้ 6 คน (เต็มที่ได้ถึง 10 คน แต่ต้องเสริมฟูกนอนนะขอรับ) หรือจะนอนกันแบบไทยย้อนยุคใน “บ้านเคียงดาว” ตบท้ายเอาใจคนชอบแนวผจญภัยรักการกางเต้นท์ด้วย “บ้านไอหมอก” เป็นอารมณ์แบบเต้นท์รีสอร์ทที่ได้ทั้งความหรูหราสอดไส้กลิ่นอายความ Adventure ได้อย่างลงตัว
ใครสนใจลองเข้ามาพักกันได้ สนนราคาต่อคืนเริ่มต้นแค่ 2,000 บาท เท่านั้น การเดินทางมาก็ง่ายๆ ให้วิ่งมาเส้นทางหลวงหมายเลข 304 เข้าซอย อบต. ไทยสามัคคีประมาณ 300 เมตร จากนั้นก็เลี้ยวขวาไปอีก 150 เมตร แล้วสังเกตทางซ้ายมือก็จะเห็นบ้านไอดินตั้งโดดเด่นอยู่แล้วขอรับ โทรสอบถามรายละเอียดได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00น. - 18.00 น. 081-136-8323, 082-344-5050 หรือคลิ๊กเข้าไปอ่านรีวิวที่ http://www.painaidii.com//business/135268/ban-i-din-30370/lang/th/ หรือคลิ๊กมาที่ www.banidin.com
3. บ้านไร่สุจิรา
เหลียวซ้ายแลขวาสำรวจสมาชิกร่วมทริป หากมากันหลายชีวิตแล้วยังคิดหาทางออกกับที่พักไม่ได้ แนะนำให้มาที่ “บ้านไร่สุจิรา” เลยครับ รับรองว่าจะไม่ทำให้คุณพุ่งชนกับความผิดหวังเป็นแน่แท้ เพราะที่นี่เรียกได้ว่าแทบจะมีทุกสิ่งให้คุณเลือกสรรไม่น้อยหน้าห้างเมอรี่ คิงส์ ทั้งบ้านพักขนาดใหญ่นอนได้จุใจ (หรือใครจะมานอนกันแค่ 2 คน ก็มีห้องไว้รองรับนะขอรับ) ต้นไม้, สนามหญ้าและพื้นที่กว้างขวางอันถูกห่อหุ้มด้วยอากาศบริสุทธิ์ ก็ทำให้เริ่มจะตกหลุมรักรีสอร์ทแห่งนี้เข้าโครมเบ้อเริ่ม หรือจะเป็นกิจกรรมสนุกถนัดขจัดความเบื่ออันหลากหลาย รวมทั้งใครที่หมายมั่นพาเจ้าตูบมาวิ่งเล่น ที่ “บ้านไร่สุจิรา” แห่งนี้ก็ยินดีต้อนรับไม่มีเกี่ยงงอน
ได้เวลามาสาธยายถึงตัวห้องกันบ้าง โดยบ้านพักแต่ละหลังจะมาในสไตล์ “บ้านทรงไทย” ใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการออกแบบ จึงทำให้คุณจะได้สัมผัสศิลปะแดนสยามและความร่มเย็นจากบ้านไม้กันอย่างเต็ม ที่ เช่น “เรือนสุจิรา 1” และ “เรือนสุจิรา 2” เป็นบ้านทรงไทยขนาดใหญ่พำนักกันได้ถึง 7 คน มีระเบียงไม้ ให้คุณทอดอารมณ์ซึบซับอุณหภูมิหนาวๆ และอากาศอันสดชื่น แถมยังมีศาลากลางบ้านสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนอารมณ์
ส่วนใครที่มากัน 4 คนแนะนำให้มานอนที่ “บ้านเพียงรัก” เป็นบ้านพักขนาดย่อมๆ แต่ความสุขที่ได้รับนั้นไม่ได้ย่อมตาม เพราะบรรจุความสะดวกสบายไม่แพ้ห้องอื่นๆ รวมทั้งมีศาลาไว้ให้ผ่อนคลายด้วยเช่นกัน หรือใครที่ขนกันมาร่วมๆ 8 คน โยกมาพักกันได้ที่ “บ้านพระนาง” กับบ้านแฝด 2 หลังติดกันราวปาท่องโก๋ เพียบพร้อมด้วย 4 ห้องพัก (นอนได้ห้องละ 2 ท่าน) โดดเด่นด้วยการตกแต่งที่ใช้อิฐมอญสะท้อนอารมณ์วินเทจ ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ
สำหรับคนที่จัดกันมาแบบชุดใหญ่ใส่เต็มรักนับได้ 10 คน ขอให้ทุกท่านตรงดิ่งไปยัง “บ้านภูวิว 1” และ “บ้านภูวิว 2” บ้านทรงไทยไซส์จัมโบ้ที่ได้รับการตกแต่งในสไตล์ไทยโมเดิร์น ให้คุณสะดวกสุดฤทธิ์กับพื้นที่อันกว้างขวาง พร้อมด้วย 2 ห้องนอนใหญ่ และ 2 ห้องน้ำ ยามเย็นๆ มานั่งรับลมสูดกลิ่นอายธรรมชาติกันที่ระเบียงด้านหน้า จากนั้นช่วงพลบค่ำเข้าไปพักผ่อนกันต่อกับห้องนั่งเล่นด้านใน ให้คุณได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างสนุกสนาน
กระนั้นก็ใช่ว่าจะเอาใจแต่คนที่มากันยกแก็งค์เพียงอย่างเดียว สำหรับใครที่ควงแขนหวานใจหรือเกี่ยวใครกันมา2 คน ก็มีที่ไว้ให้คุณพักผ่อนกายากับ “บ้าน 6 เหลี่ยม” ดีไซน์เก๋ไก๋ชนะเลิศ รังสรรค์ออกมาอย่างโมเดิร์นแฝงด้วยความหรูหราที่พร้อมจะสร้างความประทับใจ ให้กับคุณ หรือใครอยากค้างอ้างแรมแบบกางเต้นท์ที่นี่ก็มีไว้บริการ ด้วยพื้นที่สนามหญ้าเขียวชอุ่มอันกว้างใหญ่ รอให้คุณมาลงหลักพักผ่อนกันได้มากมาย
ความพิเศษอีกอย่างของ “บ้านไร่สุจิรา” อันเป็นผลพลอยได้จากพื้นที่ซึ่งมีลักษณะเป็นเชิงเขา ทางรีสอร์ทจึงเกิดปิ๊งไอเดียเนรมิตกิจกรรมเสริมสร้างความหรรษาขึ้นมา ทั้งแนวผจญภัยสะกิดความตื่นเต้นอย่างการขับรถ ATV, หรือใครอยากดื่มด่ำความ Natural ก็สามารถเลือกขับจักรยานเสือภูเขา ส่วนผู้ที่อยากทอดอารมณ์ชิลล์ๆ ก็สามารถนั่งถีบจักรยานน้ำในสระเย็นๆ แสนเพลิดเพลิน
เห็นที่พักแจ๋วแว้บขนาดนี้ แต่เชื่อไหมว่าราคาถู้ก ถูก เริ่มต้นคืนละแค่ 1,600 บาท เท่านั้นเองขอรับ การเดินทางเมื่อมาถึงวังน้ำเขียวแล้วให้ไปทางเขาแผงม้า แล้วมุ่งหน้าตรงไปประมาณ 30 กม. ผ่านสนามกอล์ฟทอสกานา จนถึงตลาดหนองคุ้ม จากนั้นข้ามสะพานคอนกรีต ซึ่งมีร้านกาแฟต้นตออยู่ด้านซ้าย พอตรงไปจะเจอวัดหนองซ่อมอยู่ขวามือและอีกประมาณครึ่ง กม.ก็จะเจอป้ายไร่สุจิรา ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปตามทาง เจอแยกเลี้ยวขวาอีกทีก็จะถึง
บ้านไร่สุจิราแล้วล่ะครับ ใครสนใจจะมาพักผ่อนโทรมาที่เบอร์ 084-944-4829, 089-020-1190 http://www.painaidii.com//business/135245/banraisujira-30130/lang/th/ หรือคลิ๊กเข้ามาที่ www.baanraisujira.com
บ้านไร่สุจิรา (Baan Rai Sujira)
4. บ้านภูนรินทร์ (Ban Phu Narin)
“โค-ตะ-ระ เทพ” ขออณุญาตบรรยายคำอุทานที่เผลอทำหล่นทันใด พลันที่ได้สัมผัสกับทัศนียภาพแสนงดงามของทิวเขาใหญ่สุดเขียวขจี ซึ่งเบื้องหน้าเป็นทุ่งหญ้าและหมู่มวลธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ที่ทำให้ผมตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะด้วยความอึ้งปนประทับใจ กับวิวความสวยตระการตาชนิดที่รีสอร์ทหรู 5 ดาวหลายแห่งยังต้องโค้งคาราวะ
เขยิบไปอีกนิดกับอำเภอใกล้ชิดวังน้ำเขียว ไล่ขึ้นไปตามแนวเขาแห่งปากช่อง อันเป็นภูมิลำเนาลงหลักปักฐานของ “บ้านภูนรินทร์” ซึ่งพื้นที่ภายในอัดแน่นด้วยความร่มรื่นของหญ้าสีเขียวชอุ่ม มีมุมพักผ่อนหย่อนใจ และบริเวณเดินทอดน่องสูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเพลิดเพลิน และด้วยทำเลที่ตั้งห่างออกไปจากตัวเมืองยังผลให้พื้นที่ของรีสอร์ทแห่งนี้ อบอวลไปด้วยความเงียบสงบ ส่งแรงกระเพื่อมให้เกิดความเป็นส่วนตัว จนพลอยทำให้นึกถึงการนั่งเอกเขนกบนเก้าอี้ไม้ มีกาแฟรสกลมกล่อมวางข้างกาย พร้อมทอดสายตาละเลียดบรรยากาศอันแสนดีไปอย่างช้าๆ
ในส่วนของห้องพักจะเน้นการดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย ไม่ได้ปรุงแต่งด้วยความหวือหวา หรือหรูหราอลังการ หากยังคงออกแบบมาได้อย่างลงตัว และสามารถรองรับลูกค้าได้ในจำนวนที่หลากหลาย คือตั้งแต่ 2-20 คน เลยทีเดียว (โห! เยอะเนอะ) รวมทั้งราคาค่อนห้องพักที่ค่อนข้างคุ้มค่า ทางรีสอร์ทผู้แสนใจดียังได้รวมอาหารมื้อเช้าอย่างข้าวต้มเครื่องร้อนๆ เนื้อละมุน เคล้าด้วยเห็ดหอมจากยอดดอย หรือเลือกอิ่มอร่อยกับเสต็กรสเลิศ พร้อมกับเซ็ตมื้อเย็นจัดหนัก เช่น ปลาทับทิมทอดน้ำปลา, ต้มยำรสแซ่บ, ผัดผักสดๆ กรอบๆ ใส่กุ้ง ตบท้ายด้วยน้ำพริกจัดจ้าน แถมข้อสำคัญอีกประการคือในมื้อดินเนอร์ชุดนี้เติมได้ไม่อั้นคร้าบบ พี่น้องง! ถูกใจคนกินจุอย่างกระผมจริงๆ อุ๊บ!
โดยจุดไฮไลต์แห่งความเจ๋ง จนผมอดจะยินยอมพร้อมมอบใจให้กับรีสอร์ทแห่งนี้ไปเสียมิได้ นั่นคือแค่คุณเหวี่ยงสายตาออกไปยังหน้าต่างในห้องพัก ก็จะได้เห็นวิวแจ่มจรัสของธรรมชาติในรัศมี 360 องศา ย้อมแสงสีส้มอ่อนช่วงพระอาทิตย์คล้อยต่ำในยามเย็น และถูกปกคลุมไปด้วยทะเลหมอกตัวแทนแห่งความหนาวสะท้านในห้วงอรุณสวัสดิ์ ซึ่งหลังจากที่ผมได้ไปพักผ่อนกายาพร้อมทั้งซัดทิวทัศน์สวยๆ มาชนิดเต็มอิ่ม บอกได้คำเดียวว่า “สวดดดยอดดด” สร้างความประทับใจให้กับผมและหมู่คณะได้อย่างสูงลิ่ว
ใครอยากตัวปลิวมายลความงดงามร้อยแรงม้า ให้ขับไปทางอำเภอปากช่องแล้วตรงดิ่งไปทางค่ายทหารเพชรรัตน์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายตรงไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ก็จะเห็น “บ้านภูนรินทร์” โดดเด่นอยู่ด้านซ้ายมือแล้วล่ะครับ สนนราคาสำหรับสัมผัสความเทพเริ่มต้นเพียง 900 บาท / คืน / ท่าน เท่านั้นเอง สนใจลองโทรมาที่ 089-666- 4565, 085-108-8852 (www.banphunarin.com)