วาเลนไทน์แล้วไง? I Don’t Care!!! (พากิน-เที่ยว แปลกใหม่ เชิดใส่รัก)
คล้อยเคลื่อนสู่เดือนกุมภาฯทีไร เดินไปทางไหนก็เจอแต่สีแดงแซมสีชมพู จะหลบเข้าห้างก็ไปป๊ะกับหัวใจบานสะพรั่งแทบทั้งตึก เปิดทีวีหวังดูรายการคลายเครียด ไม่แคล้วต้องเจอคู่รักมาทำหวานปานจะดอมดม โอ้ว! บร๊ะเจ้า จะสวีทกันไปถึงไหน ไม่เห็นใจชาวโสด, คนอกหัก, ผู้ไม่ยินดีนักจะอยู่คนเดียว บ้างเลยหรอไงพ่อคู๊ณณณ!!
แต่ช่างปะไร! ใครอยากจะรักกันก็ปล่อยเค้า สาวโสด หนุ่มมั่นไร้พันธะอย่างเราก็อย่าได้แคร์ มาเติมสีสันให้ชีวิตสนุกอีกหลายดีกรีกันดีกว่า ถ้างั้นอย่ารอช้ารีบสไลด์ไอโฟนตะโกนชวนเพื่อน ไปหาไรกินอร่อยๆ แปลกใหม่ แล้วกอดคอกันไปเที่ยวแบบไม่แยแสความรักกันได้เลยยยย....
กินทั้งที ต้องมีคอนเซปต์
Big Knit Cafe
“หากความรักไม่อาจสานต่อได้ งั้นมาถักทอของน่ารักๆ แทนก็ได้ เชอะ!” ร้านนี้น่าจะถูกใจสาวๆ กันเป็นพิเศษ เฉพาะอย่างยิ่งใครที่มือไม้อยู่ไม่สุกต้องกด Like กันแน่นอน เพราะมีกิจกรรมเพลินๆ ให้ทำรับรองไม่มีเบื่อ กับร้าน Big Knit Cafe นิตติ้งคาเฟ่แห่งแรกในประเทศไทย ที่เปิดโอกาสให้คุณมาถักทอนิตติ้งและโครเชต์เป็นผลงานน่ารักๆ ตามแบบที่ต้องการ แม้จะเป็นมือใหม่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่ได้ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญคอยสอนให้ฟรี! (เสียเฉพาะค่าไหมและอุปกรณ์ จากนั้นก็เลือกมุมจุ้มปุ๊กได้เลย)
บรรยากาศโทนสีขาวสบายตา ประดับประดาด้วยสมาชิกก้อนเส้นไหมหลากสีสันที่ลงทุน Import มาจากประเทศชั้นนำด้านไหมพรมกว่า 5,000 แบบ ให้คุณได้ลั้ลลากับการขยุกขยิกกิจกรรมบนฝ่ามือกันอย่างจุใจ ส่วนใครไม่พิศมัยงานฝีมือ อยากท่องโลกออนไลน์ ก็สามารถเชื่อมต่อได้เร็วปรู๊ดปร๊าด เพราะมีบริการ Wi-Fi ให้ด้วย
ไม่เพียงการถักนิตติ้งที่เป็นแม่เหล็กดึงความสนใจ แต่เรื่องอาหารการกินของร้าน Big Knit Cafe ก็ใช่ย่อย โดยเค้าจะเน้นความสด สะอาด ที่สำคัญรสชาติต้องดี เมนูหลักใหญ่ใจความ อาทิ “ข้าวผัดสามสหาย” ที่เอากุ้งแห้งอย่างดี+เห็ดหอม+กุนเชียง นำมาผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน อร่อยได้อารมณ์คล้ายบ๊ะจ่าง อีกจานแนะนำ “ผัดไทใส่เครื่องทะเล” เข้มข้นทั้งจาน แถมกุ้งกับปลาหมึกก็ซ๊ด สด หรือจะเป็น “มักกะโรนีอบชีส” ร้อนๆ หอมกรุ่นก็ไม่ผิดหวังเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ของหวานสารพันทั้งเค้กหรือไอศกรีมก็ทำให้ลูกค้าหลายคนติดใจ เช่น “เค้กมะพร้าวอ่อน” หวานละมุนกลมกล่อม ผู้ที่รักช็อคโกแลตอย่าเผลอลืมชิม “Choco Fudge Browni” ที่ทั้งกรอบและเข้มข้นในเวลาเดียวกัน...ใครอดใจไม่ไหวอยากมาที่ร้าน ก็ให้ไปที่ถนนสุขุมวิทแล้วเข้าไปในซอยสุขุมวิท 49 เข้าไประมาณ 800 เมตร ก็จะเจอร้าน Big Knit Cafe ตั้งเก๋ๆ อยู่ด้านขวามือเลยครับ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 น. - 21.00 น. โทร. 02-260-5050 หรือคลิ๊กมาที่ www.bigknit49.com
“ในเมื่อความรักออกแบบไม่ได้ งั้นไปร้านที่ออกแบบเก๋ๆ ก็ได้เนอะ” ไม่ผิดหวังแหงแซะ! หากเลือกมาที่ Design Bar ด้วยบรรยากาศร้านโล่งโปร่งสบาย มีที่วางตะโพกให้เลือกตามอัธยาศัยทั้งโซนห้องแอร์และโซนไม่ง้อสักบีทียู ทีเด็ดต้องยกให้หลังคาในโซนห้องแอร์ ที่สามารถเปิด-ปิดให้รับลมแบบธรรมชาติได้ (ล้ำสุดๆ) ส่วนคนที่นั่งด้านนอกหากหวั่นใจในความโลเลของฟ้าฝนเมืองไทย ก็ไม่ต้องนอยด์เพราะเค้ามีเทคโนโลยีปิดหลังคาด้วยระบบไฮโดรลิกคอยบริการด้วยเช่นเดียวกัน!
ด้านรายละเอียดการตกแต่งก็เก๋ไก๋ใช่หยอก ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ดีไซน์แปลกตา ที่ไม่สร้างความผิดหวังให้แผ่นหลังและผนังก้น รวมถึงการประดับประดาในทุกรายละเอียดไม่เว้นกระทั่งห้องน้ำยังออกแบบได้ “แนว” สุดๆ ไล่เรียงมาดูเมนูอาหารกันบ้าง ซึ่งนอกจากจะมีดีไซน์ที่งามงด ต้องบอกว่าร้านนี้อาหารรสจัดจ้าน อร่อยชนิดไม่ต้องแสร้งชม ไม่ว่าจะเป็นลาบหมูทอด, หอยเชลล์ย่างซอสเขียวหวาน, โป๊ะแตก หรือกุ้งพันแซลม่อน ก็แซ่บสะเด่าได้ใจ
อีกหนึ่งความสะระตี่ที่น่าจะถูกใจโดยเฉพาะหนุ่มๆ เพราะที่นี่มีสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม สุดเซ็กซี่ คอยบริการเติมน้ำ เสิรฟ์อาหารให้ตลอดเวลา ส่วนสาวๆ อย่าเพิ่งเมินหน้าหนีเนื่องจากหนุ่มเท่ห์ก็มีไว้ให้เหล่เช่นเดียวกัน แถมเติมอรรถรสด้วยวงดนตรีสุดเจ๋ง ที่จะคอยบรรเลงเพลงหลากหลายแนวให้คุณไม่เหงาตลอดทั้งคืน
การเดินทางไม่ยากร้านตั้งอยู่ย่านเกษตรนวมินทร์ (ตรงตอหม้อที่ 79 ตรงข้ามฮอนด้าเกษตรนวมินทร์) เปิดให้ความสราญทุกวันตั้งแต่เวลา 18.00 น. - 01.00 น. โทร. 02-553-0314, 02-553-0315, 086-324-5719 หรือคลิ๊กเข้าไปดูที่ www.designbar999.com
“ถ้าเป็นนิยายเราคงได้รักกัน แต่ช่างเหอะ! ขอไปสนุกในดินแดนแฟนตาซีดีกว่า” เพียงแรกเห็นและสืบเท้าก้าวสัมผัส ดั่งหลุดเข้าไปในโลกนิยายแฟนตาซี ด้วยการตกแต่งร้านที่เน้นสีสันสดใสแปลกตา แฝงกลิ่นอาย Vintage นิดๆ เติมเต็มด้วยการประดับประดาจาก Props เก๋ๆ ที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ร้านดูน่าสนใจ ขณะเดียวกันก็ยังสะท้อนอารมณ์แห่งเวทมนต์ ที่ให้ความรู้สึกดูลึกลับน่าค้นหาไปด้วยในตัว จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนมักจะเลือกมาลั่นชัตเตอร์เก็บภาพสวยกันอยู่เสมอ
ที่โดดเด่นไม่หย่อนบรรยากาศและร้านสวยๆ ต้องยกให้ Homemade Bakery ที่อบร้อนๆ ทำสดใหม่ทุกวัน ด้านรสชาติก็หายห่วง หอมนุ่ม กัดแต่ละคำล้ำด้วยความสุขซะจริงๆ เมนู Recommend เช่น Cherry Cheese Pie, Pana Cotta ,Toffee, Cheese Cake, B&W Chip Choc แนะนำให้ละเลียดคู่กับ “กาแฟสด” ที่ทางร้านคัดวัตถุดิบเกรดพรีเมียมมารังสรรค์ ด้วยเมล็ดกาแฟ Arabica แท้ 100% จากแหล่งต้นกำเนิดประเทศเอธิโอเปีย ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นหอมมันจนคุณต้องติดใจ รวมทั้งเครื่องดื่มอื่นๆ อย่างโกโก้, น้ำผลไม้สด ก็มีให้เลือกสดชื่นด้วยเหมือนกัน
ส่วนคนกระเพาะใหญ่กลัวไม่จุใจก็อย่าได้กังวล เพราะล่าสุดต้อนรับปีโลกแตก 2012 ทางร้านได้เพิ่มเมนูอาหารจานหลักหนักท้องไว้สำรองความอิ่ม ด้วยสารพัดสปาเก็ตตี้แบบไทยๆ รสจัดจ้านที่เอามาปรุงแต่งให้ถูกปากคนไทย และยังมีอาหารญี่ปุ่น อาทิ ข้าวแกงกะหรี่, ไข่ตุ๋น หรือทาโกะยากิ มากำนัลท้องให้หายร้องได้สบายๆ
การเดินทางมาร้านก็แสนจะง่ายดาย ถ้าสะดวกสุดแนะนำให้มาด้วย BTS ลงสถานีศาลาแดง แล้วเดินลงบันไดทางที่มีร้าน super sport จากนั้นให้เข้าไปในซอยโดยร้านจะตั้งอยู่ด้านขวามือสีม่วงโดดเด่นเลยล่ะครับ...ซึ่งร้านเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 22.00 น. โทร.02-652-4462 หรือคลิ๊กมาที่ http://www.facebook.com/Montracafe?sk=wall
เที่ยวมีสไตล์ สนุกได้ทุกอารมณ์
Yes R&B karaoke and Restaurant
“เบื่อที่จะร้องไห้ให้เธอแล้ว หันมาจับไมค์ร้องเพลงมันส์ๆ กันดีกว่า!” ขยำภาพของห้องร้องเพลงแบบเดิมๆ โยนลงถังขยะ แล้วมาเขย่ามือทำความรู้จักกับคาราโอเกะล้ำแหลกแหวกแนว ไม่จำเจ เมื่อ พรีเซนต์ตัวเองสู่ชาวประชา ด้วยจุดเด่นสุดครีเอท “30 ห้อง 30 Style พร้อม Costumeชนิดที่คุณคาดไม่ถึง” ให้คุณได้เพลิดเพลินกับจินตนาการไอเดียแต่งห้องที่ไม่ซ้ำซากน่าเบื่อ แถมยังมีเสื้อผ้าที่เข้ากับ Themeของห้องนั้นๆ ให้สวมใส่ พร้อมจัดเต็ม! กับเทคโนโลยีสุดไฮเทคเพื่อเติมสีสันในค่ำคืนแสนสนุก และสูบฉีดความซู่ซ่าให้ชีวิต
ซึ่งทันทีที่เห็นก็อดจะหล่นคำอุทานด้วยอารมณ์อึ้งรับประทานไม่ได้ว่า “คิดได้ไงเนี่ย!” เช่น “ห้องเห็นหมี” ที่ขนเอาตุ๊กตาหมีแสนน่ารักมายัดและตกแต่งไว้เต็มห้อง มองไปทางไหนก็เจอแต่น้องหมีคอยทำหน้าแป้นแล้นอยู่รายรอบ พร้อมแต่งสีสันสดใสจี๊ดจ๊าด “ห้อง Prison Break” จำลองเอาสภาพห้องขัง มีพร้อมสรรพทั้งโซ่ตรวน, กุญแจมือ ผนังเก่าราวกับคุกจริงๆ น่าจะถูกใจพันธุ์ Hard Core “ห้องโรงลิเก” ยกเอาพื้นเสื่อสาด ฉากลิเกมาตั้งไว้ในห้อง จนอดคิดไม่ได้ว่ากำลังสวมบทบาทพระนางตามท้องเรื่อง โชว์แม่ยกกันชุดใหญ่
ต่อกันด้วย “ห้อง 69” ที่ทุกอย่างกลับหัวกลับหางแสนตาลปัตร ไอ้ที่ควรอยู่บนพื้นกลับไปอยู่บนกำแพง ที่ควรอยู่บนกำแพงกลับไปอยู่บนเพดาน งงวุ้ย! หรือจะเป็นห้องสุดเก๋ “Academy” ที่ให้คุณสวมบทบาทนักล่าฝันแห่งบ้าน AF สะท้อนอารมณ์ Reality Show กับห้องที่เต็มไปด้วยกระจกหลากหลายบาน มีที่นั่งเป็นหมอนอันใหญ่นิ่มๆ ที่เราเห็นเหล่า AF เอกเขนกกันในจอ ถ้ายังเก๋ไม่พองั้นลอง “ห้อง Bath Room” ที่ถูกเนรมิตราวกับกำลังได้โชว์สเต็ปเพลงในห้องน้ำ เพราะคุณพี่จัดมาเต็มทั้งชักโครก, ห้องชาวเวอร์, อ่างอาบน้ำ, กำแพงบล็อกแก้ว ให้คุณลั้ลลาได้ฟิวส์ที่ไม่เหมือนใคร
แถมยังการันตีเรื่องของไมค์ลอยคุณภาพแจ่ม และอัพเดทเพลงใหม่ตล๊อด ตลอด ซึ่งไม่เพียงได้ร้องสนุกๆ แต่ยังได้อิ่มท้องไปกับอาหารรสเลิศกว่า 40 รายการที่ปรุงรสโดยเชฟระดับอ๋องพร้อมเสิร์ฟถึงที่ เช่น ปีกไก่น้ำแดง, เทมปุระปูอลาสก้า, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์...ไงล่ะ! อยากมากันแล้วล่ะสิ งั้นให้มาทางถนนสุขุมวิท แล้วตรงดิ่งไปยังสุขุมวิท 55 จากนั้นเลี้ยวเข้าทองหล่อซอย 10 โดยร้าน Yes R&B karaoke and Restaurant จะตั้งอยู่ในโครงการ Arena 10 บริการความหรรษาทุกวันตั้งแต่เวลา 18.00 น. - 01.00 น. โทร. 02-675-4224,02-392-3774 หรือคลิ๊กเข้ามาที่ www.yesrandb.com
Terminal 21 (Photo : Mooshido)
“ชั้นไม่ใช่โลกทั้งใบของเธอเหรอ? อย่าได้แคร์ ! ไปลั้ลลาช้อปเพลินในโลกใบใหม่แทนก็ได้” เล่นเขย่าวงการห้างสรรพสินค้าให้สะเทือนเลือนลั่น เมื่อห้างน้องใหม่เอี่ยมอ่องเปิดตัวด้วยคอนเซปต์สุดเจ๋ง “ทั้งโลกอยู่ที่นี่” กับการจำลองบรรยากาศ Market Street ระดับโลกมาเนรมิตให้ฝังตัวอยู่ในแต่ละชั้นได้อย่างลงตัวและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Caribbean, Rome, Paris, Tokyo, London, Istanbul, San Francisco, Hollywoodซึ่งการดีไซน์ต้องขอถวายหัวแม่มือให้ในความสุดยอด ทั้งสวยงามและตระการตา จึงไม่น่าแปลกใจหากอุปกรณ์สำคัญในการมาเยือนของแต่ละคนจะพก “กล้องถ่ายรูป” หรืองัด “โทรศัพท์มือถือ” มาชักภาพสวยๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก
หากพินิจกันทีละ Floor ก็จะเห็นถึงไอเดียบรรเจิดในการออกแบบ โดยการดึงเอาเอกลักษณ์อันโดดเด่นของแต่ละเมืองมานำเสนอ เช่น ชั้น Caribbean ก็จะมีประภาคารมหึมาตั้งตระหง่านสูงเด่นเป็นสง่า, ชั้น San Francisco มีเอกลักษณ์ด้วยสะพาน Golden Gate สีแดงฉาน, ชั้น Tokyo ต้องสะดุดตากับหุ่นซามูไร บูชิโดขนาดยักษ์ และหุ่นซูโม่ 2 คนยืนโอบเสา หรือ ชั้น London ที่อดจะถ่ายภาพ London Bus 2 ชั้น เสียไม่ได้
อีกสิ่งที่เป็น Talk of The Town คือ “ห้องน้ำ” ซึ่งนอกจากจะตกแต่งสุดเดิร์นตามสไตล์ของแต่ละประเทศ “ชักโครก” ของที่นี่ยังโชว์ความล้ำ ด้วยระบบทำความสะอาดก้นของเราแบบห้องน้ำในประเทศญี่ปุ่น ที่จะมีปุ่มกดให้มีแท่งฉีดน้ำออกมาทั้งสำหรับจัดหนัก จัดเบา แถมบริการถึงใจมีไดร์เป่าแห้งเลือกระดับความร้อนได้อีกต่างหาก (นับว่าเล็งเห็นคุณค่าของสุขภาพ “ก้น” ชนิดน่าปรบมือให้หลายร้อยครั้ง)
มาว่ากันถึง Main หลักของห้างคงหนีไม่พ้นสินค้าแฟชั่นสุดเทรนด์ ที่มีให้เลือกสรรแบบครบครันจริงๆ โดยเฉพาะหนุ่มๆ ขาช้อป คราวนี้น่าจะเป็นโอกาสของคุณแล้วล่ะครับ เพราะทาง Terminal 21 จัดพื้นที่หนึ่งชั้นเต็มๆ สำหรับสินค้าแฟชั่นสำหรับผู้ชาย (ชั้น 2 London) แนะนำร้าน OMG Shop ทั้งรองเท้าหนัง, กระเป๋า เสื้อผ้า แนวเรียบเก๋, ร้าน 7 Star ร้านเสื้อผ้าสุดโต่ง ดีไซน์สุดแนว เอกลักษณ์หน้าร้านคือหุ่นนายกวักใส่ชุดแมคฯ แต่หน้าเหมือนฮิตเลอร์ ส่วนสาวๆ ก็หายห่วงมีสินค้าแฟชั่นให้พวกคุณเธอแทบทุกชั้น ทั้งเครื่องประดับ, เสื้อผ้า, ฯลฯ แนะนำร้าน Hob Shop กับหลากหลายสินค้าแฮนด์เมดสุดเริ่ด!
เรื่องอาหารก็สบายท้องเพราะมีโซนศูนย์ฟู้ดคอร์ทรสชาติเยี่ยมยอด (Pier 21) แหล่งรวมร้านเด็ดมาให้บริการ ในราคาเริ่มต้นแค่ 25-30 บาท เท่านั้นเอง!!! ส่วนร้านอาหารดังๆ ก็มีให้เลือกอีกมากมาย เรียกว่าทั้งช้อป ทั้งชิมรับรองความสุขอิ่มแปล้แน่นอน โดยการเดินทางมายัง Terminal 21 ให้สะดวกที่สุดแนะนำให้มาทาง BTS จะอยู่ติดกับสถานีอโศก หรือทาง MRT จะอยู่ติดสถานีสุขุมวิทก็มาได้เช่นเดียวกัน เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 10.00 น. - 22.00 น. โทร. 02-108-0888 หรือคลิ๊กเข้ามาที่ www.terminal21.co.th
AIS 4DX ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด 4 มิติ
“ในมิติของเธอคงไม่มีชั้นอยู่ แต่อย่าคิดว่า Sad ไปดูหนัง 4 มิติก็ได้ น่าตื่นเต้นกว่าตั้งเยอะ” หากคิดว่าหนัง 3 มิติสุดยอดแล้ว ขอให้กลืนความรู้สึกนั้นลงลำคอไปได้เลย เมื่อปัจจุบันหนังสุดล้ำแห่งยุคต้อง 4 มิติกันแล้วคร้าบบ! เพราะไม่เพียงแค่ชมภาพยนต์แล้วเหมือนสิ่งต่างๆ จะลอยออกมานอกจออย่างที่เคยตื่นเต้นมานานนมในหนัง 3 มิติ แต่คราวนี้จะได้สัมผัสกันจริงๆ แล้วล่ะครับ
เมื่อทาง Major Cineplex ใจป้ำ ทุ่มทุนเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่แห่งโลกมูฟวี่ มาให้คนไทยได้สัมผัสที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์กับการชมภาพยนตร์ที่ผู้ชมจะได้รับอรรถรสในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ภาพ แสง สี เสียง สัมผัส และกลิ่น รวมทั้งเก้าอี้แบบเฉพาะ พร้อมเอ็ฟเฟ็กต์ตระการตาถึง 24 ชนิด ในระบบฉายแบบดิจิตอล 3 มิติ กันเลยทีเดียว
ซึ่งหลังได้ไปยลมา บอกเลยว่าเอ็ฟเฟ็กต์แต่ละชนิดถูกออกแบบมาอย่างแจ่มแจ๋ว ช่วยเพิ่มความตื่นเต้นให้กับภาพยนตร์ได้อีกหลายดีกรี ไม่ว่าจะเป็น การขยับของเก้าอี้ ลมเป่า ละอองน้ำ กลิ่น แรงสั่นสะเทือน สะกิดขา สะกิดหลัง และ เทคนิคอื่นๆ อีกมากมาย ราวกับกำลังผจญภัยอยู่ในหนังด้วยจริงๆ โดยเค้าจะฉายบนจอภาพซิลเวอร์สกรีน ที่ให้ภาพคมชัดสมจริง ด้วยระบบ Masterimage 3D (ภาพเนียนตาจนอยากกระซิบว่า “สวดยอดเลยลวดเพี่ย”)
โดยภาพยนตร์ที่จะดูแบบ 4 มิติได้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จาก Holly Wood ดังนั้นรับรองได้ในเรื่องของความยิ่งใหญ่อลังการ และแว่วๆ ว่าตอนนี้ภาพยนตร์ไทยกำลังซุ่มพัฒนาภาพยนตร์ 4 มิติด้วยเหมือนกัน เอาเป็นว่าอดใจรอหนังไทยดูหนังนอกกันไปก่อนเนอะ ใครสนใจใคร่อยากชม ก็ไปเช็ครอบฉายและจองบัตรชมภาพยนตร์ ได้ที่ www.majorcineplex.com หรือโทรสายตรง พารากอน ซีนีเพล็กซ์ 02-129-4635-6
และทาง ThaiTicketMajor
แนะนำกันไปพอหอมปากหอมคอ หวังว่าคงจะถูกใจกันบ้าง ซึ่งเทศกาลแห่งความรักคราวนี้ หากใครไม่มี My Love มาเกี่ยวก้อย ก็อย่าได้เศร้าสร้อยไปไย
เพราะผมว่าวัน Valentine อาจไม่จำเป็นต้องมีคู่ แค่ได้เรียนรู้ที่จะอยู่โดย “รักตัวเอง” น่าจะเป็นของขวัญสุดพิเศษสำหรับทุกคนแล้วล่ะครับ...
ขอขอบคุณภาพสวยๆ จาก
http://mooshido.multiply.com