ท่องเที่ยวป่าแก่งกระจานกับนักอนุรักษ์น้อย.....
หากใครรัก....และหลงใหลในความงดงามของธรรมชาติ..... แม่นันจะอาสาพาเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในป่าแก่งกระจานแบบสามวันเต็มๆ พร้อมเรื่องราวของหนุ่มน้อยนักอนุรักษ์คนนี้....วันต่อวัน..กิจกรรมต่อกิจกรรมกันเลยค่ะ....
ก่อนอื่นตามพวกเรามาดูที่หลับที่นอนกันก่อนดีกว่าค่ะ... ว่าเราจะหลับนอนกันยังไง????? “ว๊า....ที่นอนทำไมสบายอย่างนี้ล่ะคะครูขา.... แม่นันเข้าใจว่าจะพาเข้าป่าหลับนอนแบบกางเต๊นท์ดิบๆ ซะอีก” แม่นันผิดหวัง...ในขณะที่คุณครูงงงงงง..ว่าเอ๊ะ..คุณแม่เค้าต้องการแบบเดอลุกซ์หรือแบบกางมุ้งกันแน่...๕๕ แต่พอคุณครูอธิบายว่าสบายอย่างนี้...มีอาหารดีๆ แบบนี้...บรรยากาศสวยๆ แบบนี้.... แม่นันก็ลืมความดิบที่ตนชอบไปชั่วขณะ แล้วขอจองแบบเดอลุกซ์ทันที...แต่ขอนอนเต๊นท์เพื่อให้สมกับความเป็นนักเดินป่าอย่างเราซะหน่อย....
ผาด่างแคมป์....คือที่พักของเราค่ะ ที่พักที่ถูกแวดล้อมด้วยธรรมชาติ..พร้อมเสียงสิงสาราสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย....ไม่ว่าจะเป็นเสียงนก..เสียงกบ..ตุ๊กแก...แถมมีผีเสื้อแสนสวยบินเวียนไปมาตลอดเวลาอีกค่ะ....แม่นันขอนำภาพเพียงบางส่วนของที่พักมาให้ชมกันค่ะ... ขอบอกว่าเป็นเพียงบางส่วนจริงๆ เพราะแม่นันถึงกับหลงไหลในความเป็นธรรมชาติของที่นี่...จนแอบถ่ายจุดสวยๆ ไว้เป็นตัวอย่างเยอะเชียวค่ะ....
ทีนี้ตามมาดูกิจกรรมระหว่างท่องเที่ยวกันเลยดีกว่าค่ะ...
Day1 ท่าค่างแว่น..ริมน้ำเพชร...แก่งกระจาน.. ตอน..แม่วาดลูกลงสีให้
อจ.ปัณยา ไชยะคำ ศิลปินผู้เอกอุในธรรมชาติของไทย.... แม่นันแอบปลื้มท่านมานานแล้วค่ะ...ยิ่งได้ไปเรียนรู้กับนักอนุรักษ์ตัวจริงอย่างท่านถึงสามวันเต็มๆ ยิ่งปลื้มเข้าไปใหญ่... ใช่แล้วค่ะ...แม่นันกับน้องภามหนีแควนๆ ในห้องนี้ไปเที่ยวกับชมรมรสนิยมธรรมชาติของโรงเรียนมาเมื่อ ๕-๗ กค.ที่ผ่านมาค่ะ...
เราออกมาทำกิจกรรมกัน ณ. ริมน้ำในป่าสวยที่มีชื่อว่า “ค่างแว่น”...กับอากาศแสนจะงดงามในเช้าวันนี้...
“อ้าว..เด็กๆ มานั่งล้อมวงกว้างๆ บนผืนผ้าใบนี้... เราจะมาเรียนรู้เรื่องแม่สีกัน... ส่วนคุณพ่อคุณแม่หามุมสงบ วาดรูปธรรมชาติกันนะครับ จะเป็นต้นไม้...ใบไม้...ดอกไม้..มุมไหนก็ได้ที่ชอบ.. ให้นึกถึงความมีชีวิตชีวาของธรรมชาติแล้วบรรจงวาดลงสมุด.. ไม่ใช้ยางลบนะครับ..ไม่เคลื่อนย้ายดอกไม้ใบไม้นะครับ คงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด... วาดเสร็จแล้วเดี๋ยวจะให้ลูกผสมสีให้ระบาย” เสียงของ อจ.ปัณยาบอกกับเด็กๆ และผู้ปกครอง ขณะที่ท่านอธิบายอย่างใจเย็น..ประกอบท่าทางอย่างเป็นธรรมชาติ. แม่นันและผู้ปกครองอื่นๆ มีความรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กนักเรียนอีกครั้ง เพราะมีความอยากรู้อยากเห็นไม่ต่างไปจากเด็กๆ เลยค่ะ.. บ้างยกมือถาม บ้างขอคำปรึกษาว่าจะวาดอย่างไรดี....
น้องภามและเด็กๆ ประจำที่ทำตามที่ อจ.บอก ส่วนแม่นันไม่รอช้า..รับคำสั่งเสร็จเล็งหาสิ่งที่จะวาดทันที ..แม่นันชอบวาดใบไม้ค่ะ ยิ่งเป็นไม้ที่ทอดยอด..เลื้อยเกาะตามขอนไม้หรือพื้นดินยิ่งชอบ... นั่นไง..แม่นันเจอแล้ว..เจ้าใบตำลึงป่าทอดยอดเลื้อยอยู่บนต้นไม้... แม่นันอยากวาด.แต่ไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้นานๆ อ่ะ ก็เพราะแถวนี้มันเต็มไปด้วยมดแดงตัวเบ้งๆ น่ะสิ แถมยังไต่เข้าไปในกางเกงอีก... ว่าแล้วแม่นันใช้วิธียืนห่างๆ รีบแบบใจเย็นสุดๆ สเก็ตเจ้าใบตำลึงป่าคร่าวๆ...แล้วไปหาที่นั่งวาดสงบๆ แต่ทำยังไงก็หนีไม่พ้นเจ้ามดแดง... แม่นันจึงควักแซมบัคมาทารอบขา ตั้งแต่ในถุงเท้า..หน้าแข้งขึ้นมาเรื่อยๆ ทีนี้เจ้ามดแดงไม่มาเยี่ยมอีกเลย (ฉลาดนะเนี่ย..เรา)....
แม่นันชอบใช้ปากกาวาด เพราะมีความรู้สึกว่าทำให้ภาพคม..สวยขึ้น เวลาวาดผิดก็กลบได้แบบเนียนๆ ๕๕ เอาล่ะเริ่มเป็นใบตำลึงขึ้นมาบ้างล่ะ... ขณะที่วาดไปสายตาก็คอยชำเลืองความคืบหน้าของคุณเซอ (ภาม) ไป... แล้วก็คอยเก็บภาพน้องภามกำลังทำกิจกรรม แม่นันพกกล้องตัวเล็กของแม่นันไป ส่วนภามหลังจากไปตามหาเจ้าบรูด้าครั้งนั้นแล้ว..ก็ยึดกล้องตัวใหญ่ของคุณพ่อเป็นของตัวเองแบบหน้าตาเฉย.... แม่นันวาดใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ..แต่สายตาก็อดชำเลืองความคืบหน้าของเด็กๆ ไม่ได้... นั่นไงเริ่มจากแม่สีสามสี....อาจารย์สอนให้เด็กๆ ผสมสีกันระหว่างแม่สีให้เกิดเป็นสีอื่นๆ ตามมา... แม่นันสังเกตการสอนเด็กๆ ของอาจารย์ปัณยา นอกจากเด็กๆ จะได้ความรู้จากท่านแล้ว ยังได้ความเป็นผู้ฟังที่ดีก่อนจะลงมือทำงานด้วย.. ดูเด็กๆ สนุกและมีความสุขในการทำกิจกรรม ทำงานออกมาได้ดี...เป็นแผ่นชาร์ทสีต่างๆ จนกระทั่งได้สีกลาง... เก่งมากๆ ...
“เด็กๆ ผสมสีได้แล้วนะครับ...ทีนี้ไปถามคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากได้สีอะไร แล้วผสมสีให้คุณพ่อคุณแม่ระบายได้มั้ยครับ... อ้าว.แยกย้ายกันออกไปทำงาน” อจ.มอบหมายงานให้เด็กๆ โดยที่เด็กๆ ไม่รู้ตัวเลยว่านี่เป็นการทดสอบสิ่งที่เพิ่งเรียนมาเมื่อครู่นี้... ว่าสอบผ่านมั้ย ๕๕
ภามถือชาร์ทสีมาให้คุณแม่จิ้มว่าอยากได้สีอะไร...แม่นันบอกอยากได้สีเขียวแต่ไม่ใช่เขียวโทนเดียวน้ะครับ เพราะใบตำลึงของมามี้สีเขียวบางส่วนต้องเปลี่ยนไปตามแสงเงาด้วยน้ะ.... ภามทำท่าใช้ความคิดแป๊บนึง... “มามี้...เดี๋ยวภามผสมสีให้.แล้วภามขอระบายให้เองด้วยน้ะ” โอ๊ะโอ...แท็คทีมกันอย่างนี้..มามี้ชอบ... “เอาเลยภาม...มามี้เชื่อในฝีมืออยู่แล้ว”.... ว่าแล้วคุณภามก็จัดแจงผสมสี..พร้อมระบายสีให้อย่างตั้งใจ....
และก็ได้ดั่งใจจริงๆ ค่ะ.... เยี่ยมมากคุณเซอของมามี้...
ทุกครั้งที่เสร็จจากการวาดภาพ... อจ.ปัณยาจะให้เจ้าของผลงานเขียนกลอนหรืออะไรก็ได้สั้นๆ ใต้ภาพ...พร้อมลงชื่อ หลังจากภามลงสีให้เสร็จ....แม่นันก็ลงมือเขียนทันที.... แม่นันไม่เขียนกลอน...แต่อยากเขียนแค่ว่า.....
เพราะมันประทับใจแม่นันและน้องภามจริงๆ.... ขอบคุณ อจ.ปัณยาที่ทำให้เราสองคนแม่ลูกรังสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างธรรมชาติและลงตัวในความเป็นเรามากๆ... ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
วันเดียวกัน...แต่ขอตั้งชื่อตอนว่า... สติมาปัญญาเกิด..
เมื่อเสร็จจากการลงสีของเราแม่ลูก... .แม่นันสังเกตเห็นไทยมุงค่ะ...เอ๊ย.เด็กมุง ใช่ค่ะ...เด็กๆ ล้อมวงฟัง อจ.ปัณยากำลังพูดพร้อมประกอบท่าทางอะไรซักอย่าง...แม่นันฟังไม่ถนัด ได้ยินแต่ว่าสวรรค์..สวรรค์. แม่นันทนไม่ไหวลุกไปมุงดูบ้าง..ก็ถึงบางอ้อว่าเกิดอะไร
อาจารย์ปัณยากำลังเล่านิทานเรื่อง “นกสวรรค์” พร้อมวาดภาพประกอบด้วยพู่กันจีนจุ่มสีน้ำที่เด็กๆ ผสมกันไปเมื่อครู่... อย่าว่าแต่เด็กๆ ตื่นตาตื่นใจเลยค่ะ สาวน้อยอย่างแม่นันยังอึ้งในความสวยของนกสวรรค์ที่อาจารย์ค่อยๆ ลงสี พร้อมอธิบายให้เด็กๆ ฟังว่าส่วนที่กำลังลงสีคือส่วนใดของนกสวรรค์ ในขณะเดียวกันก็ป้อนคำถามให้เด็กๆ ตอบ...มีลำตัวแล้วนกยังบินไม่ได้ถ้าขาด.... เด็กๆ ก็จะพร้อมใจกันตอบว่า....ปีก... ส่วนของปีกพร้อมสีสวยๆ ก็จะถูกวาดขึ้นมาทันที...สวยงามมากๆ ค่ะ และคุณนกสวรรค์แสนสวยตัวนี้ล่ะค่ะ..ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งเด็กๆ และผู้ปกครองบางคนพาไปเป็นพระเอกของตัวเองบนกระดาษ.... อย่างไร.. ติดตามไปเรื่อยๆ ค่ะ.... (อย่างนี้เรียกสร้างแรงจูงใจในการติดตามเรื่องราวของแม่นัน ๕๕)
เมื่อคุณนกสวรรค์บินไปแล้ว.... เด็กๆ ก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาก่อนหน้านี้คือ.....วาดภาพอะไรก็ได้ จะใช้สีหรือลายเส้น..อะไรก็ได้..แต่มีข้อแม้ว่าให้เหลือสีขาวๆ บนเฟรมน้อยที่สุด.... จะนั่งหรือจะยืนวาด..ได้ทุกอิริยาบถ..
นั่นไง...หนุ่มเซอ (ภาม) เตรียมเล็งหาเป้าหมายแล้ว...ถือเฟรมพร้อมปากกาเดินเล็งไปเล็งมา.. สมองคงใช้ความคิดน่าดูว่าจะวาดมุมไหนดีนร๊า.... แม่นันไม่สนหรอกว่าคุณเซอจะวาดอะไร..แม่นันขอไปใช้ชีวิตแบบสงบๆ ในการวาดรูปใบไม้ของแม่นันต่อ...อิ อิ... แต่ขณะที่ทำงานของตัวเองน่ะ จิตวิญญาณของความเป็นแม่ไม่ได้ล่องลอยไปไหนตามที่คิดหรอกค่ะ...เพราะสายตาก็คอยมองว่าคุณเซอทำอะไรอยู่ เผื่อจะมีภาพเด็ดๆ ให้แม่นันได้แอบถ่ายไปอัพลงเฟสบุ๊ค อ่ะอ่ะ.....นั่นไง...
ดูมาดคุณเซอขณะสเก็ตภาพลงบนเฟรม...เค้าสเก็ตภาพอะไรของเค้าน้ะ..
นั่น..เปลี่ยนท่าอีกแล้ว..สงสัยเมื่อย.... แม่นันนั่งวาดของแม่นันอยู่เป็นนาน..เหลือบไปทีไรก็ยังเห็นคุณภามทำงานของตัวเองอยู่เหมือนเดิม... นึกในใจ..มานนิ่งดีเหลือเกินเจ้าลูกคนนี้ เวลาทำอะไรก็จะตั้งใจทำมากๆ สมกับเป็นลูกมามี้....?????
อีกเป็นนาน...เหลือบสายตาไปดูอีกที.... เฮ้ย..นั่นท่าอะไรน่ะ แล้วทำไมต้องก้มจนหัวจะติดดินซะอย่างน้าน...เค้าทำอะไรของเค้าน้ะ.... อ๋อ...กำลังวาดภาพ แต่ทำไมต้องกลับหัววาดด้วยล่ะ. เอ๊ย..เค้ากำลังวาดภาพจริงๆ น้ะ ตั้งใจซะขนาด.. ด้วย.. แม่นันงงง...ผู้ปกครองอื่นๆ พากันหัวเราะขำกับท่าทางของมานกันใหญ่..... ทนไม่ด้าย...ท่านี้เด็ดมาก..ขอแชะหน่อย...
และนี่ล่ะค่ะคือผลงานของหนุ่มเซอที่ใช้เวลาเยอะกว่าชาวบ้าน.... แล้วทำไมต้องกลับหัววาดซะขนาดนั้นล่ะภาม... แล้วแม่นันก็ได้คำตอบว่า “ก็มามี้คิดดูสิ..ต้นหญ้าพวกนั้นน่ะมีใบเล็กๆ เต็มไปหมด แล้วเวลาวาดปกติ...มันก็จะไม่ถนัดเหมือนก้มหัววาด ทำให้วาดได้เร็วขึ้น..ง่ายขึ้นด้วย....พูดพร้อมทำมือไม้ประกอบ (ขอโทษนะคะ....คุณเซอเค้าคอมมูนิเคทกับแม่นันเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วเท่านั้นนะ คะ) แล้วจะเล่าที่มาที่ไปว่าทำไมต้อง “ภาษาจีน” ติดตามตอนต่อไป... อีกล่ะ ๕๕
โชว์ผลงานให้แม่นันดูแล้วรีบตรงรี่ไปส่งงานกับอาจารย์ เค้าดูมีความภูมิใจทุกครั้งที่จะได้ฟังคำวิจารณ์จากอาจารย์ค่ะ ยิ่งดีใจสุดๆ ตอนอาจารย์วิจารณ์เสร็จแล้วขอจับมือคุณเซอนี่ล่ะ.... อมยิ้มเดินเข้ามาหามามี้เชียว.... ผลงานของภามชิ้นนี้ล่ะค่ะที่ทำให้แม่นันใช้ชื่อตอนว่า... “สมาธิมา...ปัญญาเกิด”.... ช่วยกดไลท์เป็นการยืนยันให้แม่นันด้วยได้มั้ยคะว่าเหมาะกับชื่อตอนรึเปล่า....
ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว... มื้อนี้เด็ดสุดๆ เพราะเราออกมาทำงานนอกที่พัก จึงมีอาหารพิเศษห่ออยู่ในใบตอง... ใบตองที่ว่านี่ไม่ใช่ใบตองตามตลาดธรรมดานะคะ เป็นใบตองที่ตัดมาจากต้นสดๆ เรียกว่าตัดมาทั้งใบเพื่อมาเป็นภาชนะใส่อาหารให้พวกเรา...แม่นันว่าถ้ากินเนสบุ๊คมาเห็นเข้าคงเรคคอร์ดให้เป็นข้าวห่อใบตองที่ใหญ่ที่สุดในโลกแน่ๆ.... ข้างในมีอะไรให้พวกเราทาน...โอ้โห...ของเด็กเป็นข้าวสวยกับหมูทอดกับไข่ต้ม ส่วนผู้ใหญ่เป็นหมูทอด ไข่ต้มพร้อมน้ำพริกมะขาม และผักสดๆ ... คุณภามเห็นน้ำพริกมะขามของแม่นันเท่านั้นล่ะ รีบตักไปครอบครองเชียว...ของโปรดเค้าล่ะ...
กิจกรรมของวันนี้ไม่ได้จบเท่านี้นะคะ.... เด็กๆ ได้รับอนุญาตให้เล่นน้ำ (เรียกว่าจุ่มน้ำดีกว่า) เพราะให้เล่นอยู่ข้างๆ โขดหินไม่ให้ไปไกลกว่านี้..เพราะน้ำเชี่ยวมากค่ะ... แค่นี้ก็สนุกกันซร๊า...
และนี่ไงล่ะค่ะที่แม่นันเกริ่นตอนต้นว่าคุณนกสวรรค์กลายเป็นพระเอกบนเฟรมของเด็กๆ และผู้ปกครองหลายๆ คน.... ก็เค้าหล่อซะขนาดนั้น... เด็กๆ เก่งกันจริงๆ ค่ะ อาจารย์มาเฉลยทีหลังว่า.. รู้ว่าเด็กหลายคนอยากวาดนกสวรรค์ อาจารย์ก็เลยเอาเฟรมที่วาดไปวางไว้ไกลๆ ไม่ให้เด็กๆ มาวาดตามแบบก๊อปปี้.... แต่ถ้าใครอยากวาดจริงๆ ให้เดินไปดูนกสวรรค์ที่อาจารย์วาดได้ แต่ให้เก็บรายละเอียดโดยใช้สายตาและความจำ...แล้วกลับไปวาดลงบนเฟรมของตัวเอง.... เห็นมั้ยคะ..นกสวรรค์บินไปบินมาหลายตัวเลย แถมรูปร่างหน้าตาก็ต่างๆ กันด้วย.... สุดยอดเลยค่ะเด็กๆ ...
Day2 ณ ริมน้ำบนค่ายผาด่างกับกิจกรรมยามเช้า...ตอน.ผาอ่างที่รัก..
โผล่ออกมาจากเต๊นท์...แม่นันก็กรี๊ดในสิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่ตรงหน้าเลยค่ะ ... ท้องฟ้าปลอดโปร่ง...สีสวยสดใส..กับเงาเมฆใต้น้ำ...โอ..ช่างสวยเกินบรรยาย... ว่ามั้ยคะ
รับประทานอาหารเช้าที่แสนจะโรแมนติกเสร็จ อาจารย์ปัณยาก็นำพวกเราเดินตามไปทำกิจกรรมที่มีชื่อว่า "ผาด่างที่รัก" โดยการให้พวกเราผู้ปกครองและเด็กๆ วาดบรรยากาศรอบๆ ตัว... โดยการโฟกัสจุดที่ตัวเองชอบแล้ววาดลงสมุดบันทึกที่เตรียมกันมา.... เด็กๆ ศิลปินทั้งหลายไม่รอช้าค่ะ หามุมที่ชอบเพื่อสร้างสรรค์ผลงานกันใหญ่....
แม่นันและน้องภามก็เช่นกัน....เจอมุมที่ใช่ปุ๊บก็นั่งปั๊บ...เอ๊ะ..ทำไมเรามาหลงไหลภาพข้างหน้าเหมือนกันล่ะคะ... บอกให้ก็ได้ว่า..ภาพที่เรากำลังวาดมันคือภาพที่แม่นันตื่นมาเห็นเมื่อเช้านี้ไงคะ..... แม่นันก็เพิ่งจะทราบในภายหลังว่าบ้านพักเราซุกตัวอยุ่ในบรรยากาศแสนสวยนี่เอง
ไม่ต้องบรรยายเลยใช่มั้ยคะสำหรัยเช้านี้... ไม่ต้องไปไกลก็ได้อิงแอบธรรมชาติสวยกับกิจกรรมดีๆ อย่างนี้....
ภาพเด็กๆ กำลังดูนกบริเวณที่ทำกิจกรรม... น่ารักจนอดเก็บมาฝากไม่ได้ค่ะ
ตามมาดูกิจกรรมในวันสุดท้ายกันค่ะ
Day3 ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ...บ้านกร่าง...อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตอน...ความงดงามของธรรมชาติบกและน้ำ...
เช้านี้อากาศสดชื่น....อาจารย์ปัณยานำพวกเราศึกษาเส้นทางธรรมชาติบ้านกร่าง เส้นทางที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ใหญ่น้อยและผีเสื้อแสนสวย บ้างเกาะอยู่บนกำแพงแค้มป์บ้านกร่าง บ้างบินวนเวียนแถวเส้นทางที่พวกเราเดิน... เดี๋ยวสักพักเราก็ได้ยินเสียงนกต่างๆ เด็กๆ จะนิ่ง....ฟัง....แล้วก็ทายกันใหญ่ว่าเสียงนี้เสียงนั้นเป็นนกอะไร....
“เด็กๆ ดูตรงนี้น้ะ” อจ.ปัณยาชี้ไปที่โป่งดิน (แหล่งอาหารที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุของสัตว์น้อยใหญ่ รวมทั้งผีเสื้อด้วย....) โอ้โห....สวยจังเลย...เด็กๆ ตื่นตาตื่นใจกับผีเสื้อหลากสี... แล้วพวกเราก็มาสะดุดตรงที่รอยอะไรซักอย่าง....เป็นหลุมเกือบกลมมีโค้งหยักๆอยู่ส่วนบน....
“เด็กๆ สังเกตตรงนี้น้ะ นี่เป็นรอยเท้าของกระทิง...มันจะออกมาหาอาหารกินตอนกลางคืนที่โป่งแห่งนี้ เพราะเป็นโป่งที่ค่อนข้างสมบูรณ์มาก” เด็กๆ มองตาม.. จริงๆ ด้วย..แม่นันเห็นรอยเท้าอยู่เป็นจุดๆ เป็นคู่ๆ น่าจะมีหลายตัวทีเดียวน้ะ อึ๊ย....ดีน้ะไม่มาตอนนี้..ไม่งั้นวิ่งกันป่าราบแน่เลย..... เดินต่ออีกหน่อย...เราก็เห็นกองทัพปลวกกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นเชียว.....
คุณเซอของเราเดินไป ฟังข้อมูลจากอาจารย์ไป ถ่ายรูปไป.... กดชัตเตอร์เสร็จก็ต้องมีการเช็ครูปทุกครั้งไป เป็นแพทเทิร์นที่คุณพ่อย้ำนักย้ำหนากับน้องภามว่าให้เช็ครูปทุกครั้ง รูปไหนไม่ดีก็ลบทิ้งไป..อย่าเก็บให้รกกินเนื้อที่เปล่าๆ... ซึ่งน้องภามก็ทำได้เยี่ยงโปรทีเดียว....
เดินกันไปซักพัก...เด็กๆ ก็เริ่มตื่นเต้นกันใหญ่...”ผีเสื้อ..ผีเสื้อ...เกาะมือหนู...” เด็กๆ รีบยื่นมือที่ผีเสื้อเกาะอยู่มาโชว์กันใหญ่ “แม่นันว่าผีเสื้อคงชอบเหงื่อพวกหนูแน่ๆ เลย...สงสัยตัวเหม็น ฮ่าฮ่า” แม่นันแกล้งแซวเด็กๆ.... “เอ๊ย...ผีเสื้อมาเกาะนิ้วแม่นันด้วยล่ะ...น่ารักจังเลย” ทีนี้เด็กๆ เริ่มแซวกลับบ้าง...”แม่นันตัวเหม็นแน่เลย”..... เป็นไงล่ะ.... หันไปหันมา...เอ๊..คุณเซอของแม่นันหายไปไหนล่ะ อ้าว.อยู่นั่นเอง..กำลังทำอะไรน่ะ..... โอ๊ะโอ...ไม่ได้แล้ว...ภาพสวยๆ อย่างนี้หาไม่ได้อีกแล้ว.....ว่าแล้วแม่นันก็แชะแชะซะหลายมุม...เก็บภาพที่คุณภามกำลังนั่งวาดรูปผีเสื้อน้อยที่กำลังเกาะอยู่บนนิ้วตัวเอง..... โห..ติสจ์จริงๆ หนุ่มน้อย..... มีสาวมาให้เป็นแบบถึงที่..... .
ไม่เฉพาะนางแบบสาว...พันธุ์ไม้ใหญ่น้อยก็พร้อมใจกันเป็นแบบให้นักอนุรักษ์น้อยคนนี้.... พออาจารย์หยุดให้ข้อมูล...เด็กๆ ก็จะบันทึกสิ่งที่เค้าเห็นพร้อมบรรยายตามที่ได้ยินได้ฟังจากอาจารย์..... ไม่เฉพาะเด็กๆ ที่ได้ความรู้...ผู้ปกครองก็พลอยได้อานิสงฆ์ในการติดตามเด็กๆ มาศึกษาธรรมชาติครั้งนี้ด้วย...
เดินพอเหนื่อย...เราก็ไปศึกษาเส้นทางน้ำในลำห้วยกันต่อ... ว๊าว...น้ำเย็น..ใสดีจัง...เด็กๆ ถอดรองเท้าเดินลุยน้ำเรียงกันเป็นหน้ากระดาน... เจ็บเท้า..เพราะเป็นดินหินก้อนใหญ่น้อยขรุขระ.....เท้าต้องสัมผัสพื้นดิน..สัมผัสหิน...จึงจะทราบว่าทางไหนควรไม่ควรเดิน..มีหลุมมีบ่อ..หินก้อนไหนแหลมคม..หรือราบเรียบ.... หากใส่รองเท้าเดินอาจเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้....
“มามี้....มามี้...ดูอะไรนี่...เห็ดป่าใหญ่มากๆ เลย” น้องภามบอกพลางชี้ให้ดู... โฮ..ใหญ่จริงๆ ด้วย หากนำไปแกงคงทานได้หลายวันเชียว... เด็กๆ ได้เห็นสิ่งมีชีวิตในน้ำหลายชีวิตเลย... “มามี้....เจ้าชะนีมันตามพวกเรามาตลอดเลย..ดูสิ.” เด็กๆ.... ผู้ปกครองหันมาตามเสียงที่ได้ยิน....ใช่แล้ว..
เจ้าชะนีน้อยที่มีคนมาปล่อยไว้ที่อุทยานจนกลายเป็นชะนีเชื่อง...สนิทกับผู้คนไปทั่วตามพวกเราไปกลับตลอดทางเลย... น่ารักจริงๆ
.... เดินกันไปซักพักใหญ่อาจารย์ก็ให้หยุดแล้วหันหลังกลับทางเดิมเพราะมีสัญญาณเตือนภัยอยู่ข้างหน้า... คือเจ้าแมงมุมมีพิษชนิดนึงตัวใหญ่มากเกาะกลุ่มกันอยู่หลายตัว..คล้ายๆ พันธุ์แม่หม้ายดำแต่ไม่ใช่... ยืนจังก้าอยู่บนไยอันใหญ่โตของตัวเอง.... เป็นการบอกให้ผู้บุกรุกรู้ว่า...”นี่คือเขตของข้าน้ะ...อย่าเข้ามาเชียว”...... พวกเราจึงต้องค่อยๆ เดินลุยน้ำกลับอย่างผู้รู้ตัว.....
ก่อนจะเดินขึ้นจากลำห้วย...อาจารย์ให้ทุกคนยืนอยู่กับที่นิ่งๆ .... รอจนกว่าน้ำที่ขุ่นขลักจากการที่เราเหยียบย่ำเค้าเข้าไปก่อนหน้านี้...ค่อยๆใสจนเห็นเท้าพวกเราเหมือนเดิม..พร้อมทั้งขอบคุณน้ำที่ให้คุณแก่พวกเราและสิ่งมีชีวิตใหญ่น้อยแห่งนี้.....
ขึ้นจากลำห้วยได้ไม่เท่าไหร่...ท้องก็เริ่มทำงาน....ทุกคนเริ่มหิว... นั่นไง...อาหารห่อใบตองสุดโปรดของพวกเรามาถึงแล้ว..“มามี้...มีน้ำพริกมะขามอีกรึเปล่า” น้องภามถามถึงน้ำพริกโปรด.... มี..ไม่มี..แกะดูเลยลูก....
โฮะโฮ...อิ่มแล้วนอนเช็คภาพบนเปลญวน...ช่างมีความสุขดีแท้คุณเซอ....
ขากลับ..คงไม่ต้องบรรยาย.... คุณเซอปวดขาได้จังหวะดีจริงๆ.... โชคดีน้ะได้ม้าพันธ์ดีอย่างพี่แอร์ให้ขี่กลับ ๕๕๕ ... น้องภามมีโรคประจำตัวค่ะ คือปวดขาตามข้อต่อเวลาอากาศเย็นๆ..หรือเพิ่งขึ้นจากน้ำค่ะ เป็นมาตั้งแต่สองขวบ คุณหมอสันนิษฐานว่าเป็นโรคที่ฝรั่งเรียกว่า Growth pain คืออาการของกระดูกข้อต่อยืดเร็วกว่าปกติ ซึ่งจะหายเป็นปกติเมื่ออายุเท่าใดไม่สามารถกำหนดได้...แต่ไม่เป็นอันตรายใดๆ เพียงแต่เวลามีอาการจะทรมานมาก เหมือนผู้ใหญ่เวลาเป็นตะคริว หรือรูมะตอยส์ แม่นันเข้าใจว่าอย่างนั้นน้ะ เพราะเค้าจะร้องอย่างเจ็บปวด ต้องค่อยๆ นวดจนกว่าจะหายปวดไปเอง.....
By : แม่นัน