ศาลาเขาใหญ่ : สุดยอดรีสอร์ทในฝัน : วันที่ 1



ศาลาของ รปภ. ค่ะ
พอเรามาถึง รปภ.จะแจ้งไปยังส่วนต้อนรับ และจะมีพนง.มาช่วยขนสัมภาระ
นู่นนนนน เลยค่ะ ส่วนต้อนรับตั้งอยู่บนนั้น
จากที่เคยดูรีวิวรีสอร์ทนี้ ของคนอื่น ๆ ตามเว็บเพจต่าง ๆ
เคยคิดแปลกใจว่า เค้าถ่ายภาพกันยังไง ให้ได้ท้องฟ้าใสและเห็นก้อนเมฆมากมายแบบนี้
พอได้ไปยังสถานที่ที่จริง หายสงสัยเป็นปลิดทิ้ง ฟ้าที่ศาลาเขาใหญ่ สวย ใส
แถมมีเมฆเป็นปุยขาว ก้อนใหญ่ ลอยผ่านไปมาเยอะมากๆๆๆๆๆ
เราต้องเดินขึ้นบันไดอันเลื่องชื่อ เพื่อขึ้นไปยังส่วนต้อนรับ และห้องพักของเรา
แชะรูปกันก่อน
สัมภาระเหลือแค่นี้ เนื่องจากมีพนง.มาช่วยแบ่งเบาความเหนื่อยไปแล้วค่ะ
เราต้องเดินเท้าขึ้นไปนะคะ
ใครไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย อาจจะเหนื่อยนิดนึงสำหรับงานนี้
มาพักที่นี่ อย่าได้ลืมของไว้ในรถเด็ดขาด
เพราะคุณจะเหนื่อยมาก กับการที่ต้องเดินขึ้นเดินลงบันได เพื่อมาหยิบของ
แอบแวะนั่งพักกันก่อน ขอบอกหายใจไม่ทัน เหนื่อยจริง เหนื่อยจังเลยค่ะ
ระหว่างทางขึ้น เค้าทำที่นั่งให้เราได้นั่งพักเหนื่อยเป็นจุด ๆ
และก่อนขึ้นล็อบบี้ ทางรีสอร์ททำส่วนนี้ไว้ให้ลูกค้าได้นั่งพักเหนื่อยกันก่อน
ถึงขั้นนอนแผ่นหราาาา เลยค่ะ ไม่ได้แอ๊คเพื่อถ่ายรูป สภาพเป็นเช่นนี้จริง ๆ
นั่งพักกันพอหายใจโล่งปอด สักพักเราก็เดินไปยังส่วนต้อนรับ
ทางรีสอร์ทจัดน้ำใบเตยเย็น ๆ เป็นเวลคัมดริงค์ แถมด้วยผ้าเย็นกลิ่นตะไคร้หอม
ไม่น่าเชื่อ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง น้ำใบเตยหอมเย็นชื่นใจ ผ้าเย็นก็มีกลิ่นหอมมาก ๆ
ระหว่างรอเช็คอิน สองพ่อลูกจัดแจงเลือกแผ่นดีวีดี เผื่อนำไปดูในห้องพักกันแล้วค่ะ
หลังจากเช็คอิน และนัดเวลาทานมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเข้าห้องพักกันแล้ว
ตอนโทรจอง เรารีเควสห้องหมายเลข 7 เนืองจากเก็บข้อมูลจากรีวิวคนอื่นมาเยอะ
ถ้าเป็นห้อง Type ที่เราเลือก ( มี เบอร์ 4 และ 7 ) ห้องเบอร์ 7 จะเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัวสูงกว่าห้องอื่น ๆ
เนื่องจากห้องเบอร์ 4 อยู่ติดตรงส่วนต้อนรับและห้องอาหาร เวลาเล่นน้ำในสระหน้าห้องตัวเอง
คนที่อยู่ด้านบน สามารถมองเห็นมาที่สระได้อย่างชัดเจน เป็นแบบนี้แล้ว เราจึงเลือกห้องเบอร์ 7 ทันที
โทรจองกันล่วงหน้าข้ามปีกันเลยทีเดียว กลัวไม่ได้ห้องนี้อ่ะค่ะ
ทางเข้าห้องพักของเรา หมายเลขห้องจะอยู่ที่พื้นตรงทางเดิน
อยู่ที่นี่ ป้ายนี้ไม่ได้เอาลงเลยค่ะ
ห้องพักของเราต้องเดินลงบันไดไปนะจ๊ะ ที่เห็นแว๊บ ๆ ด้านบนเป็นส่วนนั่งเล่นบนดาดฟ้าค่ะ
ตะลึง กับความสวยงามของห้องพักสุด ๆ
นี่ขนาดเห็นมาจากรีวิวของคนอื่นมาเยอะแยะ พอได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง
ก็ยังไม่วายที่จะอดตื่นเต้นและชื่นชมรีสอร์ทในฝันแห่งนี้ไม่ได้
เป็นรีสอร์ทที่อยู่ได้รางวัลชนะเลิศของใจเราไปเลย
เปิดประตูเข้าห้องไป จะเจอกับเตียงดูดวิญญาณเตียงนี้
และพอเราเดินเข้าห้อง จะได้กลิ่นตะไคร้หอม เป็นกลิ่นหอมจาง ๆ ชื่นใจสุด ๆ
บนเตียงมีผลไม้อบแห้งให้แขกที่เข้าพักได้ทานเล่นกันด้วย ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ
พนง.ส่วนต้อนรับ จะเดินอธิบายสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่อยู่ในห้อง
รวมถึงแนะนำระบบไฟที่ติดตั้งตามจุดต่าง ๆ ภายในห้อง ให้แขกที่เข้าพักได้ทราบ
มินิบาร์ไม่ฟรีนะคะ มีป้ายบอกราคาชัดเจน
ด้านข้างเตียงเป็นโซฟาปูนเปลือยทาสีขาวสะอาดตา
ปูด้วยเบาะนั่ง แถมด้วยหมอนอิงขนาดใหญ่จำนวนหลายใบ
จากมุมโซฟา มองไปยังส่วนเตียงและส่วนอาบน้ำภายในห้องค่ะ
ด้านหน้าห้องน้ำ มีเดย์เบดให้อีก 1 ตัว แถมด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่สำหรับใช้ในห้องพัก
และผ้าเช็ดตัวสำหรับใช้ที่สระส่วนตัวด้านนอกห้อง (ผ้าผืนใหญ่มาก ๆ)
บริเวณนี้เป็นส่วนของห้องน้ำค่ะ
ห้องน้ำที่นี่วาบหวิวสุด ๆ ไม่มีประตูกั้นนะจ๊ะ
บริเวณห้องน้ำมีทั้งอ่างน้ำทรงกลมขนาดใหญ่ให้ได้นอนแช่เล่นกันเพลิน ๆ
และยังมีส่วนอาบน้ำที่เป็นฝักบัว มีทั้งฝักบัวแบบธรรมดา และฝักบัวฝนตก
ตรงหน้าต่างด้านบนอ่างอาบน้ำ มีเจ้านกสองตัวนี้ยืนแอบดูแขกที่นอนแช่น้ำเล่นด้วยหล่ะ
ชมพู สบู่เหลว ครีมนวดผม เป็นกลิ่นตะไคร้หอมทั้งหมด .... ขอบอก มันหอมมาาาากกกกกกก
สำรวจภายในห้องพักกันเรียบร้อย ได้เวลาสำรวจด้านนอกห้องกันบ้าง
บริเวณหน้าห้องพักที่เป็นห้องพักแบบพูลวิลล่า
ด้านหน้าจะมีสระว่ายน้ำรูปทรงรี และศาลาสำหรับนั่งเล่น
ด้านในศาลาเบาะที่เห็นเป็นชิงช้าไม้ขนาดใหญ่ ปูด้วยเบาะหนานุ่ม แถมด้วยหมอนอิง นั่งเพลินกันเลยค่ะ
ตามไปดูด้านบนดาดฟ้าของห้องพักกันบ้างดีกว่าค่ะ
ห้องพักแบบพูลวิลล่า ด้านบนดาดฟ้า ทางรีสอร์ทจัดวางชุดนั่งเล่นทรงกลมไว้
แขกที่เข้าพักสามารถขึ้นมานั่งเล่นรับลม ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก
ชมดาวยามค่ำคืน หรือจะจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวก็ได้ทั้งนั้น
เราไปเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน ที่ผ่านมา เห็นฟ้าและแดดเปรี้ยง ๆ แบบนี้
แต่ด้านบนมีลมเย็น ๆ พัดผ่านตลอดเวลา
จากบนดาดฟ้าของห้องเรา ที่เห็นถัดไปคือดาดฟ้าของพูลวิลล่าเบอร์ 6 และ เบอร์ 5
ซึ่งเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องเบอร์ 4 และ เบอร์ 7
ลองซูมเข้าไปใกล้ ๆ จากมุมนี้ ถ้ามีแขกเล่นน้ำที่สระน้ำ
คนที่อยู่บนดาดฟ้าห้องเบอร์ 7 มองเห็นได้เลย ห้องนี้บรรยากาศจึงไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่
กลับลงมาจากดาดฟ้า สองพ่อลูกลงสระกันเรียบร้อย
ส่วนเราแอบเข้าห้องไปตากแอร์เย็น ๆ กันก่อน
และก็เตรียมเปิดน้ำใส่อ่างรอ ให้สองพ่อลูกมานอนเล่นแช่น้ำ หลังจากขึ้นจากสระ
เนื่องจากอ่างมีขนาดใหญ่ ใช้เวลารองน้ำนานเหมือนกันนะเนี่ยะ
เล่นน้ำเสร็จ ระหว่างรอน้ำเต็มอ่าง สองพ่อลูกก็เล่นต่อบล็อกไม้รอกันไป
บล็อกไม้และของเล่นฝึกสมองต่าง ๆ เราสามารถยืมได้ที่ส่วนต้อนรับ ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด
น้ำเต็ม ลูกชายลงอ่างอีก 1 รอบ
พอเย็น แดดร่มลมตก ได้เวลาเล่นน้ำกันอีกรอบ
น้ำเย็นบวกลมเย็น ๆ เล่นเอาหนาวได้เหมือนกัน
ไม่น่าเชื่อว่าเป็นช่วงปลายเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดในรอบปี จะเจอลมเย็นได้มากขนาดนี้
ตั้งกล้องแชะภาพ Nfamily : Nu+Nid+Nice
เล่นน้ำกันนานพอดู เนื่องจากนัดทานข้าวเย็นไว้ตอน 6 โมงเย็น เราจึงขึ้นจากสระ
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาไปทานมื้อเย็น
ก่อนไปขอเก็บภาพสระน้ำตอนช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกดินกันสักนิด
มุมเดิม ๆ ถ่ายคนละช่วงเวลา ก็ได้บรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
เดินไม่ถึงห้องอาหารกันเสียที แอบแวะขึ้นไปแชะรูปบนดาดฟ้ากันได้อีก
ขึ้นมาไม่ผิดหวัง ได้ภาพช่วงพระอาทิตย์ตกดินอีกด้วย
ทางเดินไปห้องอาหาร จะผ่านสระใหญ่ส่วนกลางของทางรีสอร์ท
ห้องอาหารของรีสอร์ท ที่มีชื่อว่า "SALA HILLSTOP RESTAURANT"
เป็นห้องอาหารแบบโอเพ่นแอร์ นั่งหม่ำข้าวพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน ฟินไปเลยค่ะ
บริเวณตรงหน้าห้องอาหารค่ะ
บริเวณห้องอาหาร กับ ส่วนต้อนรับจะอยู่ติด ๆ กัน
ตรงนี้เป็นส่วนนั่งเล่น ตั้งอยู่ตรงหน้าแผนกต้อนรับ และอยู่บริเวณเดียวกับห้องอาหารค่ะ
โดยส่วนตัวแล้วชอบมุมนี้มาก ๆ
บริเวณนี้เป็นโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ด้านนอก บรรยากาศดีสุด ๆ ไปเลย
ได้เวลาสั่งอาหารแล้ว
สั่งอาหารเรียบร้อย ช่วงระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ
เราแอบเดินกลับไปยังส่วนห้องพัก เพื่อไปเก็บภาพกับแสงทไวไลท์ยามเย็น
แชะมาได้หลายภาพมาก ๆ แสงทไวไลท์ช่วยทำให้ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้มสะใจแบบนี้
เดินขึ้นไปบนดาดฟ้า เก็บภาพกันแบบต่อเนื่อง
เดินถ่ายภาพจนแสงหมด ก็เดินกลับมายังห้องอาหาร
ของที่เราสั่งไว้มาเสิร์ฟเรียบร้อย มาดูกันซิ ว่าเราสั่งอะไรมาหม่ำ ๆ กันบ้าง
จานแรก อาหารประจำตระกูล ไข่เจียวหมูสับ ของคุณลูกชาย
คุณเธอโตมาได้ทุกวันนี้ ก็เพราะไข่เจียวนี่แหละ ชอบกินมากกก
านที่สอง คุณพ่อเป็นคนสั่ง ปลากะพงนึ่งมะนาว
ปลาเค้าเสิร์ฟมาเป็นชิ้น ๆ มีแต่เนื้อล้วน ๆ ทานง่าย รสอร่อย
ยิ่งทานพร้อมใบมะกรูดหั่นฝอยที่ใส่มาด้วยแล้ว มันเข้ากันได้ดีสุด ๆ กลมกล่อมดีค่ะ
จานที่สาม ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ของเราเอง
ไก่มาแบบชิ้นกลาง ๆ ไม่เล็กและใหญ่จนเกินไป รสโอเค ไม่ถึงกับอร่อยมาก
กับข้าวเราเลือกสั่งมาแค่ 3 อย่าง พร้อมข้าวเปล่าอีกคนละ 1 จาน
แอบกระซิบ อาหารที่นี่ราคาเอาเรื่องมาก ๆ แต่รสก็อร่อยเหมาะสมกับราคาเค้านั่นแหละ
อยากกินหรู ก็ต้องทำใจ ยอมแลกกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขี้น

หม่ำ ๆ ข้าวกันเรียบร้อย ก่อนกลับห้อง สองคนพ่อลูกไปเดินหาของเล่นบล็อกไม้ที่ส่วนต้อนรับ
ลองเล่นตัวต่อจิ๊กซอว์อันนี้แล้ว เกิดถูกใจ ขอยืมพนง.เอากลับไปเล่นที่ห้องกันต่ออีก
ได้ของเล่นแล้ว ก็ได้เวลากลับห้องนอนอันแสนสบายของเรา
เปิดห้องเข้ามา ก็พบกับภาพนี้ แม่บ้านของรีสอร์ทมาจัดการเทิร์นดาวน์ที่นอนให้เรียบร้อย
และก็มาปรับเปลี่ยนเบาะตรงโซฟาให้เป็นที่นอนเสริมของเจ้าลูกชาย
อีกทั้งยังจัดเก็บสัมภาระที่เราวางไว้ตามมุมต่าง ๆ ให้อย่างเรียบร้อย บริการประทับใจจริง ๆ
ก่อนนอน ออกไปนอนเล่นรับลมเย็น ๆ ตรงศาลานั่งเล่นหน้าห้องพัก
ถ้าเพื่อน ๆ ได้ไปนอนแล้วจะพูดได้แบบเดียวกันว่า
นี่ไม่ใช่ชิงช้าสำหรับนั่งเล่นนะ มันคือที่นอนดี ๆ อีกมุมชัด ๆ
นั่งนอนไป นั่งนอนมา แกว่งชิงช้าเบา ๆ เจอลมเย็น ๆ เราหลับไปตรงนี้จริง ๆ
ภาพนี้เป็นภาพที่เราถ่ายมาแบบจบหลังกล้อง ไม่มีการปรับแต่งอะไรทั้งนั้น
รูปเอียงแบบนี้จริง ๆ เพื่อที่อยากจะสื่อให้เห็นว่า ตอนเรานอนเล่นที่ชิงช้าตรงศาลานั้น
นี่คือภาพและวิวที่เราได้เห็น ณ ตอนนั้น อยากจะบอกว่า อากาศดีสุด ๆ มีลมเย็นพัดตลอด
นอนเล่นบนเบาะที่นอนแล้วสบายมาก ๆ กับภาพที่เห็นตรงหน้า อะไรมันจะสุขได้เท่านี้
ปิดท้ายค่ำคืนแรกกันด้วยภาพนี้
แล้วพบกับบรรยากาศของวันที่ 2 จากรีสอร์ทในฝันของเราได้ในบล็อกตอนต่อไปนะจ๊ะ
คืนนี้ หลับฝันดี ค่ะ
แล้วเจอกันบล็อกหน้านะจ๊ะ บ๊าย บาย จุ๊บ ๆๆๆๆ
พาเที่ยว ศาลาเขาใหญ่ วันที่ 2 คร๊า
By nfamilynid