ดุจวิมานกลางหุบเขา ... Panviman Chiangmai Spa Resort ++
สวัสดีเพื่อนๆชาวโลกสีฟ้ากันยามดึกครับ
อันที่จริงช่วงนี้ กทม ต้องเริ่มอากาศหนาวลงบ้าง
แต่ในความเป็นจริง ยังไม่ได้สัมผัสไอหนาวซักเท่าไร
ถึงเวลาที่ กระผมนาย neju ต้องหนีไปแอ่วเหนือ
เพื่อที่จะได้สัมผัสอากาศเย็นๆ
คราวนี้ผมจะพาไปชมรีสอร์ท ที่มีสไตล์การตกแต่งแนว ล้านนาประยุกต์
และอยู่ในท่ามกลางทำเลที่มีธรรมชาติอันงดงาม
"ปานวิมาน เชียงใหม่ สปา รีสอร์ท"...
http://panviman.com/
ตามมาพักกันเลยครับ ^^
### รีวิวนี้เป็น SR โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม
และอาจจะยาวไปหน่อยเพราะต้องการเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุดครับ###
การเดินทางไปเชียงใหม่คราวนี้ ผมได้ใช้บริการสายการบินเจ้าเดิม
"AirAsia Thailand" Everyone can fly ใครๆก็บินได้...
ไฟลท์ที่ผมเดินทางในคราวนี้จะออกจาก กทม ช่วงเย็นครับ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง สุภาษิตคำนี้คงยังใช้ได้สำหรับผม
ผมได้ทำการเช็คอินล่วงหน้าจากทาง internet และได้ทำการสั่งอาหาร
มารองท้องไว้ก่อน โดยเมนูที่สั่งคราวนี้คือ
Dada’s chicken + sticky rice combo หรือ ข้าวเหนียวไก่ย่างสูตรดาด้า นั่นเอง
น้ำจิ้มรสชาติเด็ด แซ่บ แต่ไม่มาก ใช้ได้เลยครับ...
เมื่อลงจากเครื่องบิน การเดินทางไปปานวิมานนั้น ผมเลือกเช่ารถขับ
เพราะผมมีแพลนว่าจะไป งานโคมลอยยี่เป็ง ที่จัดที่ธุดงคสถานล้านนา
เลยเลือกเช่ารถเพื่อความคล่องตัวในการเดินทาง
รถที่ผมเช่าคราวนี้เป็น Nissan Almera
ภึงรถจะเล็กแต่ขับขึ้นเขาได้สบายๆเลยครับ
จากสนามบินไปที่พักใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที
ทางจาก อ แม่ริมเป้ต้นไปจะเริ่มคดเคี้ยว
ส่วนปานวิมานนั้นจะอยู่เลยม่อนแจ่มไปประมาณ 3 กม เท่านั้นเองครับ
Welcome to Panviman Chiangmai Spa Resort...
มาถึงที่พักค่อนข้างดึกหน่อย เพราะมัวแต่ไปเดินเล่นอยู่ในตัวเมืองมาครับ ^^
บริเวณ Reception ของทางรีสอร์ท
มีพนักงานอยู่ตลอดทั้งคืนครับ
มาแล้วครับ Welcome Drink เป็นน้ำตะไคร้หอมๆ เย็นชื่นใจ
ในส่วนตรงนี้จะเป็นบริเวณของโถงกลาง จะมีพื้นที่ค่อนข้างมาก
และมีมุมให้นั่งเล่นอยู่หลายมุมครับ
การตกแต่งเป็นแบบศิลปะไทยล้านนา
มีการประยุกต์ใช้ของตกแต่งร่วมสมัยเข้าด้วยกัน ดูแล้วไม่น่าเบื่อครับ
คืนนี้ผมจะพาไปพักห้องพักประเภท Jacuzzi Villa กันนะครับ
เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง โซนห้องน้ำ กับในส่วนของที่นอน
แบ่งแยกอย่างชัดเจน
เข้ามาในส่วนของห้องนอน
มีพื้นที่กว้างขวาง เตียงค่อนข้างใหญ่ และมีโคมไฟอยู่ตามจุดต่างๆภายในห้องครับ
มีมุมให้นั่งเล่นภายในห้องด้วยครับ
ไฟค่อนข้างสว่าง เหมาะกับการเอาหนังสือมานอนอ่านเล่นจริงๆ ^^
สิ่งที่ผมชอบในห้องนี้คือแผงควบคุมไฟที่อยู่ตรงหัวเตียง
จะค่อนข้างสะดวกสบาย สามารถเลือกได้ว่าจะเปิดปิดดวงไหน
หรือปุ่มเดียวปิดได้ทั้งหมด
รวมไปถึงบานเลื่อนตรง TV ที่สามารถเลื่อนบังเพื่อปิดตรง TV ได้ เก๋ไปอีกแบบเลยครับ
และในส่วนของห้องน้ำจะมีบานพับ เปิด-ปิด
เมื่อเปิด จะให้ความรู้สึกเชื่อมต่อเป็นส่วนหนึ่ง กับห้องนอน
ห้องน้ำค่อนข้างกว้าง แยกเป็นพื้นที่เปียก และพื้นที่แห้งอย่างชัดเจน
รวมถึงอ่างล้างหน้าด้วยเช่นกัน
และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในห้องน้ำก็มีครบถ้วน
และจุดเด่นของห้องพักประเภท Jacuzzi Villa เลยก็ต้องเป็นอ่างอาบน้ำ Jacuzzi
ที่โดดเด่นเลยคือ อ่างอาบน้ำนี้จะเป็นแบบกลางแจ้ง
เป็น Jacuzzi กลางแจ้งเลยก็ว่าได้
บรรยากาศตอนเช้ามีหมอกบางๆ
และได้แช่น้ำอุ่นๆไปด้วยนั้น สวรรค์จริงๆ
มีมุมนั่งเล่นด้านนอกห้อง ซึ่งจะได้บรรย่กาศมากในยามเช้า
เปิดประตูออกจากห้องก็พบกับสายหมอกบางๆ
แล้วหย่อนกายเบาๆนั่งลงบนเก้าอี้
แค่นี้ก้รู้สึกได้ถึงความผอนคลายแล้วครับ
ตื่นเช้าๆ ผมได้เดินมาที่จุดชมวิวของทางรีสอร์ท
ตอนแรกที่รู้จาก reception เมื่อคืนตอน check in
พี่เขาได้บอกผมว่าที่นี่มีจุดชมวิวด้วยนะครับ ตื่นเช้าๆแล้วมาดูพระอาทิตย์ขึ้นได้
งที่ผมเห็นช่างคุ้มกับที่ผมตื่นเช้าจริงๆ
บรรยากาศบริเวณจุดชมวิวของทางรีสอร์ทแห่งนี้ไม่ธรรมดาจริงๆครับ
ได้เห็นทัศนียภาพต่างๆ ทั้งหมอกบางๆ พระอาทิตย์ขึ้น
รวมไปถึงพืชผักสีเขียวๆที่ชาวบ้านได้ปลูกไว้ งดงามจริงๆ
ผมชอบรูปนี้เป็นพิเศษครับ ^^
เมื่อคืนผมได้เข้าที่พักดึกไปหน่อยเลยไม่ได้ถ่ายบรรยากาศ
บริเวณด้านหน้าของรีสอร์ท
บริเวณด้านหน้านั้น จะเป็นลานไว้สำหรับจอดรถ และมี รปภ เฝ้าอยู่ตลอดเวลาครับ
พาหนะที่ใช้เดินทางในรีสอร์ท
จะเป็นรถตุ๊กตุ๊ก 4 ล้อ หรือที่ แถวบ้านผมจะเรียกว่า รถกระป๋อง ครับ
เวลาจะไปที่ไหนในรีสอร์ท ก็สามารถโทรแจ้งจากใรห้องพักได้เลยครับ
รีสอร์ทมี พื้นที่กว้างขวาง ถ้าได้เดินครบจริงๆอาจมีเหนื่อยได้ ^^
ผมเริ่มหิวอีกแล้ว
กองทัพต้องเดินด้วยท้องตมเคย ^^
มาถึงในส่วนของห้องอาหาร ตอนแรกที่ผมเห็นป้ายบอกว่า
Panorama Restaurant ผมก็ยัง งง อยู่ว่าคืออะไร ???
OK ผมเข้าใจแล้วครับ เป็นแบบนี้นี่เอง...
มุมห้องอาหารที่เห็นวิวแบบ Panorama นั่นเองครับ
ห้องอาหารมีทั้ง ในร่ม และ กลางแจ้ง
ห้องอาหารนี้จะใช้รับประทานอาหารทั้ง เช้า กลางวัน และเย็น
ในบริเวณละแวกเดียวกัน
ใครสนใจพื้นที่ตรงมุมไหน ก็สามารถนั่งดื่มด่ำบรยากาศได้กันตลอดทั้งวันครับ
มาดูบรรยากาศในส่วของกลางแจ้งกันบ้างครับ
ขอกลางแจ้งอีกซักภาพ ทานข้าวแล้วมีหมอกบางๆ
บรรยากาศเยี่ยมจริงๆ
อาหารเช้าจะเป็นแบบ Buffet
เมนูอาหารที่มีให้เลือกนั้นมีหลายอย่าง
ทั้งของคาว ของหวาน ของทานเล่น จัดมาครบครับ
แต่ที่ผมสะดุดตาอีกอย่างนึงใยตอนทานอาหารเช้านี้
ก็คงจะเป็นหม้อดินที่ใช้อุ่นกับข้าวต่างๆ
ใน รีสอร์ทหลายๆแห่งจะใช้เป็นเตาอลูมิเนียม
แต่ที่นี่ยังคงมีความเป็นไทยผสม ใช้หม้อดินอุ่นอาหารที่วางไว้กันเลย
เจ๋งครับ...
เริ่มทานอาหารเช้ากันเลยดีกว่า ^^
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ออกมาเดินย่อย สำรวจความกว้างของรีสอร์ทแห่งนี้กัน
โดยเริ่มจาก Main Lobby ที่ผมมาเมื่อคืนจะค่อนข้างมืดแล้ว
แต่กลางวันนั้นเห็นวิวได้หลายมุมจริงๆ ครับ ^^
ในมุมนั่งเล่นชิลๆกันบ้าง
ถ้ามายืนจากมุมนี้จะเห็นสปาที่อยู่ข้างล่าง
ยิ่งใหญ่สมชื่อจริงๆ
เดียวผมจะพาไปเยี่ยมชมสปาของที่นี่เหมือนกัน
เพราะ ปานวิมานขึ้นชื่อเรื่องสปามากๆครับ
หันหลังกลับไปมองอีกมุมหนึ่ง
เป็นสระว่ายน้ำส่วนกลางของรีสอร์ทแห่งนี้
ที่ถูกห้องล้อมไว้ด้วยธรรมชาติอันงดงาม
มุมนี้เป็นมุมที่ผมชอบอีกมุมหนึ่ง
สามารถมานั่งเล่นชิลๆได้ครับ
มีเบาะ มีหมอนอิง ให้หนุนด้วย เย็นสบายดีจริงๆ ^^
ในส่วนของ Computer & Internet กลางก็มีให้ใช้ในจำนวนที่ไม่มากเท่าไร
ห้องค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวนิดๆ มีมุมเงียบๆไว้นั่งอ่านหนังสือ
ตอนที่ผมไปไม่ค่อยเห็น จะมีคนเข้ามาใช้ Internet ที่ห้องนี้เลยครับ
หรือเป็นเพราะว่าแค่ Wi-Fi อย่างเดียวก็เพียงพอ
เพราะเน็ตแรง สัญญาณได้เกือบทั่วทั้งรีสอร์ทเลยครับ
ทางรีสอร์ทจะมีพื้นที่สำหรับในการทำกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น
กิจกรรมสอนการทำอาหาร
สนามเด็กเล่น
ลานออกบูธ
และที่สำคัญ มีแปลงปลูกผักแบบออร์แกนิค ที่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง
วัตถุดิบในการทำอาหารแต่ละอย่างของที่นี่
ล้วนแต่เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทปลอดสารพิษทั้งนั้น
ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคดีจริงๆครับ ^^
การออกกำลังกายก็สำคัญ ที่นี่มีลานสำหรับการออกกำลังกายต่างๆ
หลากหลายประเภท อาทิเช่น หมากรุกฝรั่ง กอล์ฟ เปตอง เป็นต้น
แต่ที่ชอบเลยคือตรงนี้ครับ
ฟิตเนสกลางแจ้ง ที่มีทัศนียภาพเป็นธรรมชาติสุดๆ
ออกกำลังกายแล้วแถมยังสดชื่นอีกต่างหาก ฟินเลยยยย ^___^
จากตรงฟิตเนสกลางแจ้ง ไม่ไกลกันนั้นเป็นในส่วนของ สระว่ายน้ำส่วนกลาง
สระว่ายน้ำนี้อยู่ท่ามกลางหุบเขาได้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมากๆครับ
มีน้ำตกจำลองเล็กๆ มีสระว่ายน้ำ 2 สระ และมีสระ Jacuzzi อีก 1 สระเล็กๆ
รวมถึงมีคนเฝ้าที่สระว่ายน้ำนี้ตลอด เพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัย
ที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ
ฝากรูปสระว่ายน้ำยามเย็นอีกซักรูป
สระว่ายน้ำส่วนกลางนี้จะเปิด ปิด เวลา 8.00-18.00 ครับ
เดินเล่นบนถนน Health Street ไปเรื่อยๆ
ก็ได้มาสะดุดตากับถ้ำจำลองบริเวณนี้
ถ้ำจำลองนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการนั่งสมาธิ และฝึกโยคะ ครับ
เงียบสงบจริงๆ
มีน้ำตกจำลองให้บรรยากาศสดชื่น
ผสมผสานกับกลิ่นอายของธรรมชาติครับ
หลังจากที่พาทัวร์รีสอร์ทมาได้ระยะนึง
ช่วงบ่ายผมได้ไปงานโคมลอยยี่เป็ง ที่ธุดงคสถานล้านนา (ตามกระทู้ที่เคยรีวิวไป)
หลังจากเสร็จงานโคมลอยยี่เป็ง ผมได้กลับมาที่รีสอร์ท
และในคืนที่ 2 นี้ ผมได้เปลี่ยนห้องพัก เป็นประเภท Pool Villa
เดียวคืนนี้ขอตัวไปงีบก่อน หมดแรงคร้าบบบ
แล้วเดียวพรุ่งนี้ ผมจะกลับมาต่อที่ห้องพักประเภท Pool Villa
และ สปาที่ขึ้นชื่อของปานวิมานกัน ^^
อรุณสวัสดิ์ยามเช้า มาต่อกันดีกว่ากับห้องพักประเภท Pool Villa
ประตูได้ถูกออกแบบมาให้ผสมผสานความเป็นไทยมาก
เมื่อเข้ามาตัวบ้าน ลักษณะโดยทั่วๆไป จะคล้ายกับประเภท Jacuzzi Villa
ทั้งการแบ่งโซนห้องน้ำ กับ ห้องนอน การตกแต่งภายในห้องจะคล้ายๆกัน
ห้องประเภท Pool Villa นั้นมีแค่ 4 หลังเท่านั้้น ส่วน Jacuzzi Villa มีทั้งหมด 7 หลัง
และยังมีห้องประเภทต่างๆอีก รวมทั้งหมด 42 ห้องครับ ในรีสอร์ทแห่งนี้
ส่วนที่เห็นแตกต่างจากห้องประเภท Jacuzzi Villa นั้นที่นอกเหนือจากมีสระว่ายน้ำแล้ว
คือห้องน้ำนั่นเอง
ขนาดของห้องน้ำจะมีขนาดที่กว้างกว่า
แบ่งเป็นสัดส่วนเหมือนกัน แยกโซนเปียกกับโซนแห้ง
มีอ่าง Jacuzzi อยู่ในห้อง ต่างกับ Jacuzzi Villa ที่มีอยู่กลางแจ้ง
ได้คนละอารมณ์กัน
ส่วนของใช้ต่างๆมีครบครับ ^^
มาดูส่วนที่เป็นไฮไลท์กันเลยดีกว่า สระว่ายน้ำครับ
ผมชอบภาพนี้เป็นพิเศษ (หลายภาพและ) ^___^
ขนาดของสระว่ายน้ำไม่ได้เล็กมาก ขนาดกำลังพอดี
ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผมมองว่าค่อนข้างเป็นสระว่ายน้ำที่
ส่วนตัวมากๆ เพราะมองออกไปข้างหน้าจะเป็นต้นไม้ ดูแล้วเหมือนกับว่า
ได้ว่ายน้ำแบบใกล้ชิดธรรมชาติอย่างไงอย่างงั้นครับ
บริเวณสระว่ายน้ำจะมีมุมนั่งเล่น พร้อมร่มให้
ได้บรรยากาศชิลไปอีกแบบครับ
อาหารเช้าเราก็ได้เห็นไปเมื่อวันก่อน มาวันนี้ผมได้ลองทานอาหารกลางวันของทางรีสอร์ท
กันบ้าง โดยมุมที่ผมนั่งอยู่นี้ ค่อนข้างจะลมเย็นๆ แม้ตอนนั้นเป็นตอนเกือบเที่ยงแล้วก็ตาม
สั่งเมนูน้ำกันมาก่อน
ผมได้ลองเครื่องดื่มแนะนำประจำเดือน พย นั่นก็คือ...
Russi Punch (แก้วสีแดง) เป็นเครื่องดื่มประเภท Mocktail ไม่ผสมแอลกอฮอล์ และ
Loy-Kra-Tong (แก้วสีเขียว) เป็นเครื่องดื่มประเภท Cocktail ผสมแอลกอฮอล์นิดๆ
ทั้งคู่มีรสชาติที่ผสมไปด้วยผลไม้ เปรี้ยวนิดๆแต่ไม่มาก รสชาติดีเลยครับ สดชื่น ^^
ส่วนรายการอาหาร เมนูที่สั่งในวันนี้ คือ
ออเดิฟเมือง
ซี่โครงหมูอบเหล้าแดง
แซลมอนทอด ราดน้ำยำมะม่วง
และ Grill Tuna + Wasabi Cream Sauce
ทุกจานรสชาติเยี่ยมหมดเลยครับ อร่อยจริงๆ
แต่มีที่ผมติดใจเป็นพิเศษ คือ Grill Tuna
ซึ่งทูน่าที่ใช้นั้นสดมากๆครับ ทานแล้วไม่รู้สึกถึงความคาวแต่อย่างใดเลย
ทานข้าวกลางวันกันเสร็จแล้ว
จากมุมที่ผมนั่งทานอาหารกลางวันนั้น มองลงไปข้างล่างจะเป็น สปา ของปานวิมาน
ที่ค่อนข้างขึ้นชื่อครับ เดียวผมจะลงไปใช้บริการสปาพอดี ^^
สปาแห่งนี้การันตีได้รับรางวัลมาหลายรางวัล
โดยล่าสุดได้รับรางวัล World Luxury Spa Awards 2012
ซึ่ง Lanna Exotic Massage คือ ที่ได้รางวัลมาล่าสุด
เป็นการนวดแบบล้านนา ใช้ไม้ตอกเส้น
จะให้ความผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมที่ผสมผสานไปกับดนตรีบำบัด
Thai Yoga Massage
อันนี้เป็น Recommend Menu
ลูกค้านิยมกันมาก เป็นการผสานการนวดแบบไทยและการยืดตัวแบบโยคะ เข้าด้วยกัน
การยืดเส้นจะให้ความรู้สึกสบายมากกว่าการนวดกดจุด จับเส้นทั่วไป
บริเวณ reception ของสปาครับ
ที่ปานวิมานนี้เดิมจะเปิดเป็นสปามาก่อน หลังจากนั้น ค่อยมาสร้างเป็นรีสอร์ทเพิ่มทีหลัง
ความโด่งดังของสปาที่ปานวิมานนี้มีผู้คนทั้งขาจรและขาประจำ มาใช้บริการอยู่มาก
ต้องจองคิวนะครับ
และที่นี่ได้เปิดสอนเป็น Spa Academy อีกด้วย ครบวงจรกันเลยทีเดียว
จาก reception เดินเข้ามาในส่วนนี้เป็น Foot Massage ครับ
ให้ความรู้สึกถึงการผ่อนคลายได้เลย ธรรมชาติมากกกกก ^^
บริเวณของสปาจะมีบ่อน้ำอยู่ด้านหลัง ทำให้เวลาอยู่บริเวณสปาแห่งนี้แล้ว
สัมผัสได้ถึงความเย็น สบายๆ ของน้ำ บวกกับต้นไม้ที่มีอยู่มากในบริเวณนี้ครับ
ในส่วนของการนวดนั้น จะมีทั้งกลางแจ้ง แบบในรูปหรือจะเป็นแบบในห้องก็ได้เหมือนกัน
กลางแจ้งนี้ได้บรรยากาศจริงๆ นอนนวดสปาไป มองดูธรรมชาติไป
อารมณ์ชิลๆ อากาศเย็นๆ หลับได้สบายเลยครับ ^^
ตอนกลางคืนจะเปิดไฟค่อนข้างสว่างครับ
ที่สปาแห่งนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.00-19.00 ครับ
ส่วนรูปนี้จะเป็นภายในห้องที่ผมได้ใช้บริการสปาแห่งนี้ครับ
ห้องแต่ละห้องจะแตกต่างกัน อย่างห้องนี้โทนสีของไฟจะออกแดงๆซักหน่อย
ผมเลือกคอร์สนี้ครับ
Lanna Winter คือ คอร์สสปา แนะนำประจำเดือน
เป็นการนวดให้ความชุ่มชื้นต้อนรับลมหนาว และผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยลูกประคบร้อน
โดยมีขั้นตอนการสร้างความผ่อนคลาย ดังนี้
- การขัดผิวด้วยเกลือนำเข้าจากอินเดีย ผิวสัมผัสค่อนข้างละเอียดต่อผิว
- หลังจากผลัดผิวเก่าแล้ว ก็ตามด้วยการนวดผ่อนคลาย
ด้วยลูกประคบสมุนไพรร้อน พร้อมกับการนวดน้ำมันเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวใหม่
ซึ่งเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัด ด้วยกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ
ทำให้กลิ่นของสมุนไพรจากลูกประคบยังคงชัดเจนอยู่
พระอาทิตย์เริ่มตก มาดูวิวมุมสูงของรีสอร์ทแห่งนี้กันครับ
พอเริ่มตอนเย็นๆ ทางรีสอร์ทก็จะเริ่มเปิดไฟสว่างหลายจุด...
มื้อเย็นวันนี้ ผมได้ลองรสชาติอาหารของที่นี่อีกครั้ง หลังจากติดใจเมื่อตอนกลางวัน
เมนูเครื่องดื่ม ของผมที่สั่งเป็น Fruit Punch ที่มีชื่อเรียกเมนูนี้ว่า Panviman Sunset ครับ
และที่ผมได้สั่งไปวันนี้คือ
เพสตูชินี่ ไส้อั่ว น้ำพริกอ่อง ครับ
ฟังดูจากชื่อแล้วไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่รสชาตินี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
เป็นการผสมผสานได้อย่างลงตัว ทั้งอาหารพื้นเมืองทางเหนือ กับ อาหารต่างชาติ
ยอดเยี่ยมมากครับเมนูนี้
ขอปิดท้ายกระทู้รีวิวนี้ ด้วยรูป Panorama ของทางรีสอร์ทแห่งนี้ครับ
ที่ปานวิมานนี้ แขกที่มาพักส่วนใหญ่เป็นคนไทย และ ยิ่งช่วงอากาศหนาวๆแบบนี้แล้ว
คงต้องรีบจองกันเลยทีเดียว
โดยสรุป
ข้อดี
- บรรยากาศสวยงาม ใกล้ชิดธรรมชาติมาก
- สงบ มีความเป็นส่วนตัวสูง
- ที่พักดูสะอาด ใหม่ (เปิดมาแล้ว 5 ปี)
- พนักงานบริการดี ยิ้มแย้มทุกคน
ข้อเสีย
- รถในรีสอร์ทนั้น มีเพียง 2 คัน อาจจะไม่เพียงพอเท่าไรในช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะครับ
- มียุง อยู่บ้าง อาจเป็นเพราะตัวรีสอร์ทเองมีต้นไม้ค่อนข้างเยอะครับ
ท้ายนี้ ผมต้องขอบคุณทาง ปานวิมาน ที่ได้ให้ผมไปสัมผัสธรรมชาติจริงๆ
เพียงแค่ไม่กี่วัน ผมได้รู้สึกถึงความผ่อนคลาย
เนื่องด้วยบรรยากาศของทางรีสอร์ทนั้น จัดได้ว่าสวยงามจริงๆ
คงเป็นเหมือนชื่อของรีสอร์ท "ปานวิมาน"
เป็นวิมานที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาที่สงบและสวยงามครับ