ทริปฉลองคานทอง ณ USA ตอนที่ 3 Los Angeles, California
"ทรายจะกลับไปเอาคืนทุกอย่างที่ควรจะเป็นของทราย"
"ทรายจำคำพูดทุกคำของทุกคน"
....ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ชะนีติดละคร ตอนดูละครเรื่องนี้คิดถึงLA มาก ถึงแม้จะมีฉากที่LAไม่มากนะ เพราะทางทีมงานต้องไปถ่ายทำที่ซานฟรานซิสโกด้วย
หลังจากที่ดิฉันพาไปเที่ยว2 เมืองมาแล้วนะคะ คือ
ทริปฉลองคานทองตอนที่ 1 Boise, Idaho http://pantip.com/topic/32405570
ทริปฉลองคานทองตอนที่ 2 Long Beach, California http://pantip.com/topic/32489343
นี่คงเป็นกระทู้ทริปคานสุดท้ายประจำปีนี้นะคะ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนมากที่ติดตามค่อยอ่านและดูรูป ความสุขของคนเขียนกระทู้อย่างดิฉันก็ไม่มีอะไรมากเพียงได้แค่ถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับคนอื่นๆ และได้คิดถึงความทรงจำดีๆ ในสหรัฐอเมริกา
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ จากกระทู้ที่แล้วที่ได้เกริ่นไปว่า ดิฉันพักที่ Long Beach บางวันก็เที่ยวใน Long Beach บางวันก็เที่ยวในLA แล้วแต่สถานการณ์ จะแจกแจงให้ดูตารางชีวิตทริปคาน ณ California นะคะ ว่ามีอะไรบ้าง
14 ก.ค. 57 มาถึง California ตอนเย็นค่ะ แล้วไปหาอะไรกิน หาซื้อซิมโทรศัพท์ที่ Best buy เป็นซิมของ Net10 ที่ใช้ เครือข่ายของ AT&T ราคารวมประมาณ 47 $ เป็นนาโนซิม สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตความเร็วที่ 500 MBและโทรได้ ใช้งานภายใน 30 วัน ฟังดูอาจจะไม่คุ้มนะคะ แต่ต้องเดินทางคนเดียวกลัวลงทางค่ะ อย่างน้อยมีโทรศัพท์ไว้โทรหาเพื่อนหรือเปิดgoogle mapได้ ตอนเปิดใช้บริการซิมยุ่งยากมากต้องโทรไปคอลเซนเตอร์ และคอลเซนเตอร์ก็ขอตัดค่าpre paid จากบัตรเครดิต แล้วถ้าเป็นบัตรเครดิตจากเมืองไทยก็ไม่รู้ว่าจะเปิดได้หรือเปล่า เพื่อนดิฉันรำคาญแทน เลยคุยกับคอลเซนเตอร์ว่าตัดยอดเงินจากบัตรฉันล่ะกัน
15 ก.ค.57 ไปเที่ยวเรือควีนแมรี่ใน Long Beach
16 ก.ค.57 ตะลุยเดี่ยวไป LA แล้วไปเที่ยวผับต่อ กลับมาสลบเลยค่ะ
17 ก.ค.57 ผลพวงจากวันที่ 16 นอนสลบอยู่บ้าน
18 ก.ค.57 ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ช่วงเช้าลุยเดี่ยว ช่วงบ่ายเพื่อนตามมาเที่ยวด้วย
19 ก.ค.57 สลบจากการตะลุยดิสนีย์แลนด์ ช่วงเย็นไปงาน Love Long Beach Festival และเดินเล่นใน Long Beach Downtown
20 ก.ค.57 ไปช็อปปิ้งที่ Outlet และ เที่ยว Hollywood Walk of Fame
21 ก.ค. 57 ตอนเช้าไป Aquarium of Pacific ตอนบ่ายเข้า LA ย้ายไปพัก B&B ย่าน Beverly Hills กับรุ่นพี่ชาวไทย แล้วเพื่อนที่น่ารักก็ขับรถเอากระเป๋าตามมาให้ (ตอนเช้านางต้องไปทำงานค่ะ นางเลยบอกให้ดิฉันไปเที่ยวก่อน เดี๋ยวนางขนกระเป๋าไปให้)
22 ก.ค.57 ตอนเช้าเดินเล่นสวยๆ ที่ Rodeo Drive ตอนบ่ายอาบแดดและเล่นน้ำที่ Santa Monica
23 ก.ค.57 เดินทางกลับสู่ประเทศไทย
ถ้าใครคิดว่าอ่านกระทู้นี่เพื่อหาข้อมูลการท่องเที่ยว LA ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่มีค่ะ กระทู้นี้ไร้สาระล้วนๆ 555 เที่ยวอย่างเดียวค่ะ แต่จะว่าไปแล้วก็เสียดายเหมือนกันค่ะ ยังเที่ยวไม่เยอะเท่าไรเลย ได้แต่สะกดจิตตัวเองว่าคงได้กลับไปอีก
ก่อนมา LA ดิฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ เพื่อนรุ่นพี่บอกว่า หล่อนซื้อมาทำไม สมัยนี้เค้ามีแอพกันแล้ว แต่ดิฉันรู้สึกว่าการเดินทางท่องเที่ยวและใช้หนังสือคู่มือไปด้วยมันคลาสสิคดีค่ะ ในนี้จะบอกข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยว การเดินทาง ราคาเข้าชม และมีแผนที่รถไฟMetroด้วยค่ะ (รถไฟMetro คล้ายกับรถไฟฟ้าบ้านเรา แต่เดี๋ยวมันก็อยู่บนดิน เดี๋ยวก็ขึ้นฟ้า เดี๋ยวก็มุดลงใต้ดินเวลาเข้าไปใน Downtown LA
เริ่มต้นที่การเดินทางจาก Long BeachไปLA ดิฉันซื้อ Weekly Pass Tap ใช้ได้ 1 อาทิตย์ ราคารวม 21$ (ค่าธรรมเนียมบัตร 1 $ ไม่สามารถเอาคืนได้) จากเครื่องขายตั๋ว เท่าที่เราเห็นไม่มีเคาน์เตอร์ขายตั๋วตามสถานีรถไฟ LAเลยนะคะ Weekly Pass นี่สามารถนั่งรถไฟ Metro และรถเมล์Metroได้ รวมไปถึงรถโดยสารสาธารณะอื่นๆ ที่ร่วมกับ Tap ค่ะ ถ้าเป็นรถโดยสารที่ไม่อยู่ในเครือTap ก็ใช้Passนี้ไม่ได้นะคะ ก่อนเดินทางเช็กได้ค่ะมียานพาหะนะโดยสารใดที่รับ Pass Tapนี้ได้ ที่ http://www.taptogo.net/whoacceptstap.php?hmm=wat แตะบัตรก่อนใช้บริการอย่างเดียวนะคะ ไม่ต้องแตะบัตรออก ถ้าเครื่องอ่านบัตรสำเร็จจะขึ้นคำว่า Go ค่ะ อย่าลืมแตะบัตรเข้าทุกครั้งนะคะ เพราะระหว่างเดินทางบนรถไฟMetro จะมีตำรวจรถไฟคอยตรวจค่ะ
ดิฉันเดินทางจาก Long Beachด้วย Metro สายสีน้ำเงินค่ะ จนไปถึง 7th Street ก็เปลี่ยนเป็นสายสีแดง แล้วลงที่สถานนี Wilshire/Westernค่ะ ระหว่างเดินทางก็เปิด Google Mapดูประกอบไปด้วย มันบอกสถานีและป้ายรถเมล์ที่เราควรจะลง ไปสถานที่นี้ควรเดินทางยังไง ค่อนข้างแม่นยำพอสมควรค่ะ แต่มีป่วงบ้าง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนไป The Gettyค่ะ
คำแนะนำสำหรับคุณผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว คือ อย่าคุยกับคนแปลกหน้าในMetro อย่าถามทางจากคนที่เดินไปเดินมาตามท้องถนนเลยค่ะ เพราะที่นี่เป็นเมืองใหญ่ คนมาจากหลายที่หลายทาง ร้อยพ่อพันแม่ โฮมเลสก็เยอะมาก ถามเจ้าหน้าที่ในสถานีรถไฟหรือพนักงานตามร้านอาหารหรือร้านกาแฟ อย่างดิฉันก็ถามพนักงานร้านกาแฟ หล่อโฮกเป็นพระเอกละตินมาก (อันนี้ไม่ใช่สาระสำคัญค่ะ ไร้สาระ 555) เค้าน่ารักมาก เสิร์ชรูปให้ดิฉันดู แล้วบอกว่าขึ้นรถเมล์สายนี้นะ ถ้าเห็นสิ่งก่อสร้างตามรูปนี้ให้เตรียมตัวลงรถเมล์ เสิร์ชไปเสิร์ชมาเค้าก็บอกว่า อ้าว คุณ วันนี้ LACMA ปิดนี่ แป่ววววววว ชะนีก็อ่านหนังสือน้อยกว่า 6 บรรทัดคร่า.. LACMA เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เริ่ดในLA ปิดทุกวันพุธ ส่วนข้างในเป็นอย่างไร ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปดูอีกเลย ได้แต่เดินผ่านข้างหน้า เห็นแล้วก็มโนตัวเองว่า เป็นนางเอกเรื่อง No String Attached
เครดิตภาพจาก http://www.seeing-stars.com/Locations/NoStringsAttached3.shtml
รูปนี้ถ่ายเองค่ะ
ทำได้แค่เดินผ่านและได้แต่มองเธออยู่ร่ำไป
เปิดในหนังสือเห็นว่ามีพิพิธภัณฑ์Page Museum อยู่ข้างๆ ก็เลยลองเข้าไปดูสิ ไหนๆ ก็หอบสังขารมาถึงที่นี่แล้ว จากร้านกาแฟแถวสถานีรถไฟ Wilshire/Western ไป Page Museum ซึ่งอยู่ข้างLACMAเลยค่ะ วิธีการเดินทางคือ นั่งรถเมล์สาย 720 ซึ่งเป็นสาย express ค่ะ จะจอดป้ายที่มีระยะห่างกันมากลงที่ป้าย Wilshire/Fairfax บนรถจะมีป้ายไฟคอยบอกชื่อป้ายถัดไป แล้วสาย 720 เวลาจะลงให้ดึงสายตรงหน้า ตอนแรกดิฉันก็หาออดอยู่นานว่า มันอยู่ตรงไหน ฉันจะลงแล้ว กรี๊ด กรี๊ด ทันใดนั้นก็มีคนดึงสายและมีเสียงมาเลยรู้ว่านี่คือออดของเค้าค่ะ ส่วนสาย 20 ก็ขึ้นได้นะคะ แต่สายนี้จอดถี่หน่อยค่ะ
Page Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ด้านธรณีวิทยา มีกระดูกไดโนเสาร์ ฟอสซิล เหมาะกับเด็กๆ ที่ต้องการแสวงหาความรู้มาก ซึ่งไม่เหมาะกับจริตเจ๊เลย เอาค่าเข้า 12$ เหรียญเจ๊คืนมา
ตรงกลางตึกมีสวนหย่อม เราสามารถเดินออกดูได้ แต่บริเวณก็ไม่ได้กว้างมากค่ะ
ก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์มีแบ็กดรอปไว้ถ่ายรูปด้วยค่ะ แต่ไม่ได้กินตังค์เจ๊หรอก ตั้ง 20-30$ แนะ
เดินมาข้างนอกมีsite ที่มีการขุดเจาะน้ำมัน มิน่าล่ะ ฉันเหม็นน้ำมันมาก
รูปปั้นผู้บริจาคที่ดินสวนแห่งนี้
เห็นหมีไหมคะ
อุ๊ย อุ๊ย เธอๆ ฉันเห็นผู้ชายล่ำถอดเสื้อเล่นโยคะอยู่ตรงนั้นอ่ะ แต่ฉันถ่ายรูปไม่ทัน
วันนี้เป็นการเดินทางLA ตามลำพังวันแรกของดิฉัน เพื่อนน่ารักมากบอกให้ดิฉันส่งข้อความบอกนางตลอดว่าอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ คือนางเป็นห่วงดิฉันมากอ่ะค่ะ แต่นางก็ลางานไม่ได้ พอบอกว่า LACMA ปิดนางก็บอกว่าไป The Gettyเลย ถ้าเธอชอบเสพอาร์ท เธอต้องชอบ The Gettyแน่ๆ ทำไงล่ะคะ อยากไปเหมือนกัน เปิดอ่านคู่มือว่าThe Getty คืออะไร และ Google Map เพื่อหาวิธีการไป ก็คือนั่งรถเมล์สาย 720 ที่ป้าย Wilshire/Fairfax ไปลงที่ Wilshire/Westwood ต่อสาย 761 ไปลงที่ Getty Center
ระหว่างเดินไปป้ายรถเมล์ก็ถ่ายรูปเบาๆ
ปัญหามันอยู่ที่ว่า ในgoogle mapบอกให้ดิฉันเดินขึ้นไป The Gettyคร่า....... จะบร้าหรอ มาให้ผู้หญิงสวยอย่างฉันเดินขึ้นเขาไปได้ไง เดชะบุญ ตอนที่ลงจากรถเมล์ได้ยินนักท่องเที่ยวเกาหลีพูดคำว่า The Getty เลยถามพวกนางว่า กำลังจะไป The Gettyใช่ไหม ขึ้นไปข้างบนยังไง นางบอกว่านั่งtram ขึ้นไปค่ะ ฟรีด้วย ดีนะคะ ที่ดิฉันมีหูดี ได้ยินที่พวกนางพูดกัน มิเช่นนั้นอาจง่าวเดินขึ้นไปได้
พอไปถึงแล้วรู้สึกคุ้มค่าที่ไฟ้ท์มา The Getty เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงงานศิลปะสมัยค.ศ.1400 จนถึงปัจจุบัน ฟรี ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีที่ดิฉันเป็นปลิงเกาะตัวนางเล่าให้ฟังว่า มหาเศรษฐีชาวLAเป็นคนบริจาคที่ดินและงานศิลปะและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี ข้อมูลอันนี้ดิฉันไม่แน่ใจมาก เพราะมาแบบหัวกลวงล้วนๆ เลยค่ะ
เดินเข้าไปในตึกเจอเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ก็หยิบแผนที่The Gettyเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษมาค่ะ มีแผนที่หลายภาษา นักท่องเที่ยวก็เยอะมาก ทั้งเอเชียและฝรั่งเต็มไปหมด
The Getty คุณค่าที่ดิฉันคู่ควรค่ะ
ผู้หญิงสองคนในรูปเป็นหลานของนโปเลียน
ชอบรูปนี้เป็นพิเศษค่ะ รู้สึกว่าผู้หญิงในรูปนี้เป็นถึงราชนิกูลแต่ไม่มีความสุขเลย
มีทางเชื่อมเดินเข้าไปตามตึกต่างๆ
ออกมาดูวิวข้างนอกกันดีกว่าค่ะ
พยายามถ่าย Paronama ให้เหมือนกับในป้ายนี้
เดินไปดูสวนกระบองเพชร
แดดก็แรงลมก็แรง เจ๊ทำตัวไม่ถูกค่ะ
เข้ามาเสพอาร์ทกันต่อ
แม่มโน ไม่ใช่แม่มณี
ร้านขายของที่ระลึก
ฟังข้อมูลThe Gettyจากเครื่องนี้ได้นะคะ
รูปวิวนี้ในแผนที่มีน้ำพุเล็กๆ แต่พอเดินมาเจอของจริง มันบ่มีอ่ะเจ้า
เดินลงไปในสวน คือว่าก็มีลิฟท์ลงไปนะคะ แต่อยากออกกำลังกายลดน้ำหนัก 4 โลที่ขึ้นมา ก็เลยเดินลงไปค่ะ
ไม่รู้ว่าระหว่างThe Getty กับ Garden by the Bay ใครเลียนแบบใครกันแน่
เห็นเหรียญอยู่เต็มเลยค่ะ ก็ไม่รู้ว่าโยนกันทำไม เลยมโนไปว่าถ้าโยนลงไปแล้วคงได้กลับมาLAอีก ดังนั้นชะนีคานสาวไทยก็เลยโยนเหรียญบาทไทยและเหรียญหนึ่งเซนท์ลงไปบ้างแล้ว อธิษฐานว่า ขอให้ได้กลับมา LAอีก
สารภาพว่าเดินเที่ยวได้ไม่ครบเลยค่ะ เพื่อนสาวโทรตามซะก่อน กลัวนางรอนานเลยกลับ ถ้าคราวหน้าได้มาLAอีก จะไม่พลาด The Gettyเลยค่ะ ประทับใจมาก ได้เห็นศิลปะยุคต่างๆ มากมาย สถาปัตยกรรมก็สวย
ขากลับลงรถเมล์ผิดป้ายค่ะ 555 สมน้ำหน้าตัวเองมัวแต่กดเล่นมือถือ ระหว่างเดินไปขึ้นรถเมล์อีกป้ายเลยได้รูปนี้มา
มาย้อนวัยใสไปดิสนีย์แลนด์กันดีกว่าค่ะ
ราคาตั๋วสำหรับ1วันคือ 96$ เหรียญ แพงเจิ่น แต่เพื่อความฝันในวัยเยาว์ยอมได้ค่ะ ตอนเด็กๆ เคยฝันว่าอยากมาถ่ายรูปกับเจ้าหญิง อยากมาเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ก็ได้ทำสำเร็จในอายุ 29 ปี แถมได้มาดิสนีย์แลนด์ต้นตำหรับที่แรกของโลกซะด้วย
เพื่อนมาส่งที่Downtown Disney แล้วเดินไปดิสนีย์แลนด์เองค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้ไปทางไหน สักพักเห็นคนเดินไปทางนั้นเยอะมากก็เลยเดินตาม ปรากฏว่าใช่ค่ะ
ดิฉันมาเที่ยววันศุกร์ค่ะซึ่งเปิดบริการถึง5 ทุ่ม เอาให้คุ้มซะเลย มาถึงตั้งแต่ 8 โมง คนก็เริ่มเยอะแล้วนะคะ ก่อนเข้าไปต้องโดนตรวจกระเป๋าก่อนค่ะ เราเอากระบอกน้ำไปด้วย เติมน้ำดื่มข้างใน ส่วนอาหารก็ห้ามเอาเข้าค่ะ เพิ่งมารู้ทีหลัง เพราะชะนีไทยเอาแครกเกอร์เข้าไปด้วยแต่กระเป๋าดิฉันเป็นกระเป๋าโดราเอมอน คนตรวจหาไม่เจอค่ะ เลยได้กินแครกเกอร์สวยๆ ข้างในดิสนีย์แลนด์ เพื่อนมาบอกทีหลังว่า ความจริงเค้าห้ามเอาเข้าไปค่ะ
เดินมาเรื่อยๆ จนมาถึง Landmark ที่สำคัญ คืออนุสาวรีย์วอลท์ ดิสนีย์กับมิกกี้เม้าส์ และปราสาทเจ้าหญิงนิทรา
ขุ่นแม่มาลีสาปเจ๊ให้ขึ้นคานเจ๊เลยต้องมาแก้คำสาป.......อ๋อย.....นางบอกว่า “ไม่มีอำนาจใดมาลบล้างได้”
เริ่มต้นเที่ยวแบบซอพต์ๆ ด้วยถ้วยกาแฟ
Story Book
และSmall World
มาโซนมิกกี้เม้าส์
โซนโลกอนาคตอันนี้มีคนเยอะมากค่ะ ต่อคิวเล่นเครื่องเล่นนานมาก จำลองฉากจาก Toy storyและ Star War ความจริงมีช่วงเวลาให้เราเอาบัตรของเราไปสแกนรับFastPass ได้ค่ะ แต่ดิฉันไม่เคยไปทันเลย หมดก่อนตลอด เลยต้องรอคิวนานมาก อย่าง Space Mountain รอเกือบ 45 นาที แต่ก็ไฟ้ท์ค่ะ อยากเล่น
Toy Story
Star Tour
Space Mountain
โซนFrontier จำลองชีวิตชาวอเมริกันสมัยอพยพมาอเมริกาใหม่ๆ
Splash Mountain ไฮไลท์ของที่นี้เลยค่ะ ดิฉันไปเล่นถึง 2 รอบ รอบแรกนั่งแบบ single riderค่ะ คือจะมีแถวให้ต่อต่างหาก เติมเต็มที่นั่ง ก็จะย่นระยะเวลาในการรอค่ะ ครั้งที่ 2 ไปขึ้นกับเพื่อนค่ะ แต่เล่นประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ แล้วคนก็ลดไปบ้าง ต่อคิวรอประมาณ15 นาที
ขบวนพาเหรดมีสองรอบค่ะ 16.00 กับ 18.30 ดิฉันเลือกดูรอบสองค่ะ เราดูเวลาเลยรีบมานั่งจองที่ตั้งแต่ 17.30 นั่งกินคอร์นดอก ดื่มกาแฟ นั่งพักไปพลางๆ
ลืมบอกไปว่าที่นี้พระอาทิตย์ตกดิน 2 ทุ่มครึ่งค่ะ เพราะฉะนั้นเครื่องเล่นกลางแจ้งก็ยังเล่นได้ถึงประมาณ 2 ทุ่ม ส่วนเครื่องเล่นในร่มก็ยังเล่นได้ถึง 4 ทุ่มเลยค่ะ ดิฉันไปเล่นอินเดียน่าโจนส์ตอน 3 ทุ่ม คนรอก็น้อยลงไปบ้างแล้ว เพื่อนบอกว่าวันที่เครื่องเล่นนี้เปิดใหม่นางยอมยืนรอคิว 8 ชม.เพื่อเล่นเครื่องเล่นนี้ เสียดายแบตมือถือหมดเลยไม่ได้ถ่ายรูป
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของLA......Hollywood Walk of Fame เพื่อนๆ นั่งรถไฟMetroลงที่สถานี Hollywood /Highland ได้นะคะ ดิฉันนั่งรถมากับเพื่อน นางก็เอารถไปจอดใน Hollywood Highland ค่ะ พอดีดิฉันซื้อของด้วยเลยได้ส่วนลดค่าที่จอดรถเหลือประมาณ 3$ ปกติที่จอดรถในLAแพงมากค่ะ
ได้มาถนนแห่งดาวแล้วค่ะ
ตอนที่มาคนเยอะมาก พยายามหาลายเซ็นแก๊งค์แฮรี่ พอตเตอร์ก็ไม่เจอ
เดินเล่นชิลๆ ไป เห็นมีทัวร์hollywood ไปถ่ายรูปถึงตรงที่มีป้ายhollywood เราไม่ใช้บริการค่ะ เพราะดูท่าทางน่าจะแพง จะโดนหลอกอะไรป่าวก็ไม่รู้
เดินผ่าน Hollywood wax museum เห็นผู้ชายคนนี้ยืนอยู่นิ่งๆ ดิฉันรู้แล้วค่ะว่าเป็นคน ถ่ายรูปด้วยไม่คิดว่านางจะหันมาพูดด้วย ดิฉันตกใจร้องกรี๊ดจนคนแถวนั้นหันมามอง เลยได้รูปนี้มา เพื่อนบอกว่าใหทิปนางไป 1$พอ เหอๆ ความจริงไม่รู้ว่าน้อยไปหรือป่าวนะคะ
เจอคอสเพลย์หลายหลากค่ะ แต่คนเยอะมากเลยถ่ายมาได้แค่กะbumble bee อย่าลืมให้ทิปเค้าด้วยนะคะ
บันไดที่ดาราฮอลลีวู้ดเดินผ่านตอนประกาศผลออสก้าร์
ป้ายนี้มันอยู่ไกลมากค่ะ แต่ก็ไฟ้ท์ถ่าย
2 วันสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทย เราพัก B&Bกับรุ่นพี่ชาวไทยค่ะ B&B ย่อมากจาก Bed&Breakfast ซึ่งเจ้าของบ้านก็ไม่ได้ทำBreakfastให้นะคะ ดิฉันต้มมาม่ากันกินเองค่ะ รุ่นพี่บอกว่าเข้าไปสมัครสมาชิก airbnb.com แล้วก็เลือกย่านบ้านที่ Beverly Hills เจ้าของบ้านจะแบ่งห้องภายในบ้านของตัวเองให้แขกมาพัก ที่พักแบบนี้เจ้าของบ้านก็เลือกแขก แขกก็เลือกเจ้าของบ้านค่ะเพราะเมื่อบริการสิ้นสุดลงต่างฝ่ายต่างก็ส่งคอม เม้นท์กันและกันไปทางเว็บค่ะ เจ้าของบ้านที่ดิฉันไปพักน่ารัก ใจดีมาก เป็นผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ปี บ้านก็สะอาด นางบอกว่าย่านนี้ปลอดภัยมาก ถ้าแจ้งตำรวจภายในหนึ่งนาทีตำรวจจะมา แต่หวังว่าเราคงไม่ต้องโทรแจ้งกันนะ ราคา 70$/คืน
บริเวณที่พักใน Beverly Hills
วันต่อมาพวกเราก็ไปเดินเล่นถนน Rodeo Drive ถนนแห่งแบรนด์เนมซึ่งเหมือนเดิมค่ะชะนีเงินเดือนอย่างฉันไม่มีปัญญาซื้อค่ะ
ทรายจะกลับไปทวงทุกอย่างที่ควรเป็นของทรายคืนค่ะ (คงกลับไปได้นะคะ สารภาพตอนนี้ตังค์หมดแล้วค่ะ)
ตามรอยทรายสีเพลิงไปที่ Santa Monica นั่งรถเมล์สาย720 ไปจนเกือบสุดสาย แล้วเดินเล่นไปเรื่อยๆ ในSanta Monica Downtown มีร้านค้าน่าช็อปเต็มไปหมดเลย
เดินจนเจอร้านอาหารฝรั่งเศสทางด้านขวามือในรูปนี้ พนักงานที่ยืนหน้าร้านน่ารักมาก เค้าเดินพาพวกเราไปที่โต๊ะ ดิฉันเลยพูดฝรั่งเศสใส่นางเลยค่ะ การพูดภาษาที่สามได้ทำให้แอ๊วผู้ชายได้มันมาก 55555 ระหว่างกินไปก็นั่งมองผู้ชายที่เดินผ่านร้านไปมา ช่างเป็นแลนด์มาร์คที่เริ่ดจริงๆ อาหารก็อร่อย
พาอิแม่ไปต๋ายบ้านที
ระหว่างกินมีเรื่องโป๊ะแตกค่ะ คือกำลังเม้าท์กับรุ่นพี่อย่างเมามัน หันซ้ายขวาไม่มีคนเอเชียเลยคิดว่าคงไม่มีใครฟังภาษาไทยออก พูดหยาบ พูดทะลึ่ง ห ม ค ต กันแบบว่าอันเซนเซอร์ สักพักมีน้องผู้หญิงหน้าตาฝรั่งสวยมาก มาถามเป็นภาษาไทยชัดเจนว่า “พี่คะ ซื้อหมวกที่ไหนคะ หมวกพี่สวยมาก”.......แป่ว....... นั่งอึ้งมองหน้ารุ่นพี่สักครู่เลยตอบน้องเค้าไป แล้วถามว่าทำไมพูดไทยชัดจังคะ น้องนางเป็นลูกครึ่งไทยคร่า ที่บ้านสอนให้พูดไทยด้วย เกิดและโตที่นี่ ไม่รู้ว่าน้องจะฟังคำพวกนี้รู้เรื่องป่าวนะคะ เพื่อนๆ ที่ไปเที่ยวต่างแดนกรุณาอย่าลอกเลียนแบบค่ะ
แยกไม่ออกเลยว่าอันไหนคนอันไหนแรด
เดินไปจนถึง Santa Monica Pierแล้วค่ะ หนึ่งในสถานที่ที่ปรากฏในทรายสีเพลิง (สาบานว่าไมได้ค่าโปรโมตละครเลยค่ะ)
จัน....เจ๊ร้อน เอาน้ำแข็งมาลูบหลังเจ๊ที
สวนสนุกPacific บนSanta Monica Pier อยากรู้รายละเอียดอ่านกระทู้นี้ได้ค่ะ http://pantip.com/topic/30920948 ไม่ได้รู้จักเจ้าของกระทู้เป็นการส่วนตัวนะคะ แต่อ่านแล้วชอบค่ะก่อนเราเดินทางเราก็อ่านกระทู้ในพันธุ์ทิพย์ ถึงรู้ว่าควรจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ขอบคุณทุกกระทู้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้นะคะ
ปัญหามีไว้ให้เห็น Menมีไว้ให้กิน (Cr.JaytheRabbit)
เค้าเดินกันมาเป็นคู่ๆ คู่ชายหญิงบ้าง ชายชายบ้าง หญิงหญิงบ้าง เพื่อนสาวบ้าง
ชายหาดสวยมาก ฝั่งนี้แระค่ะเป็นฝั่งที่คุณชมพู่เดินเล่นในฉากทรายสีเพลิง
ถ้าใครคิดจะมาแอ๊วผู้ชายที่ชายหาดเสียใจด้วยนะคะ 100% เค้ามากับแฟนค่ะ ขอโทษทีรูปไม่ชัดเลยค่ะ คือไม่กล้าถ่ายมากกลัวโดนแฟนเค้าตบ
ทริปนี้จะสิ้นสุดแล้วนะคะ
แสงสุดท้ายที่ได้เห็นในสหรัฐอเมริกา don’t know when I’ll be back again ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ แล้วเจอกันใหม่เมื่อดิฉันมีตังค์เที่ยวนะคะ