บุกเมืองมัลลิกา ร.ศ.124 แต่งชุดไทย ห่มสไบ ไปแชะภาพเก๋ๆ
โดเรมอนยังมีประตูทะลุมิติไปอดีตแล้วทำไมเราจะย้อนวันวานกันบ้างไม่ได้! PaiNaiDii เลยจะพาไปนั่ง Time Machine เที่ยวย้อนยุคในสมัยร.5 สัมผัสบรรยากาศแบบดั้งเดิมผ่านงานสถาปัตยกรรมและวิถีชนบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมแต่งชุดไทยเดินเล่นเพลิดเพลิน ฉีกกรอบการท่องเที่ยวที่คุ้นเคยแบบเต็มอิ่มจุใจ กันที่เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 จ.กาญจนบุรี
การเดินทางไม่ยุ่งยาก ขับรถจากตัวเมืองกาญจนบุรีไป 32 กม. มุ่งหน้าอำเภอไทรโยค เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 จะอยู่ตรงทางเข้าปราสาทเมืองสิงห์ (ติดปั๊มบางจาก) อย่ารอช้ารีบตบไฟเลี้ยวเข้าไปเลย
กำแพงสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าเด่นชัดเหมือนกับละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่เราเคยดู ความอลังการงานสร้างกระแทกตาตั้งแต่แวบแรกที่เห็น มีรถเจ๊กไว้คอยบริการด้านหน้าเมืองพร้อมกับคนลากรถใส่ชุดชาวบ้านแบบสมัยก่อน นับว่าเข้าถึงบรรยากาศตั้งแต่เริ่มแรกกันเลยทีเดียว
หลังจากชมทางเข้าด้านหน้าไปพักใหญ่ๆ พร้อมกับแชะรูปกันรัวๆ ไปต่อกันที่โซนซื้อตั๋วก่อนชมเมือง ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ราคา 250 บาท ส่วนเด็กและผู้สูงอายุราคา 120 บาท สิ่งที่ทำให้ตะลึงไปอีกคือที่นี่เขาใช้เหรียญสตางค์แบบโบราณที่เรียกว่าเงินรู ให้กลิ่นอายย้อนยุคแบบสมจริงเต็มลิมิต สำหรับอัตราแลกเงิน 1 สตางค์เท่ากับ 5 บาทนั่นเอง ส่วนไฮไลท์ของที่นี่เป็นบริการเช่าชุดไทยโบราณ ห่มสไบ นุ่งโจงกระเบนเก๋ๆ เหมือนย้อนไปสมัยร.5 ตอบโจทย์การเที่ยวแบบถึงแก่นแท้
อีกหนึ่งจุดเด่นที่พลาดไม่ได้ของเมืองมัลลิกา คือนอกจากจำลองบ้านเมืองแบบย้อนยุคแล้ว ยังมีทีมงานทั้งผู้ใหญ่ เด็ก คนแก่ มาจำลองวิถีชีวิตและแต่งตัวแบบย้อนยุคชนิดสมจริงมาก เห็นแล้วต้องร้องว้าว! กันแน่นอน
เมื่อแต่งชุดสวยๆ และแลกเงินกันพร้อมแล้ว ถึงเวลาพาเดินชมให้ทั่วเมือง จุดแรกเมื่อเข้ามาถึงคือ สะพานหัน ซึ่งทำเป็นตลาดเหมือนในสมัยร. 5 โดยย่านนี้จะขายพวกผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้ดอง หรือผลไม้แห้งสีสันน่ากินกันแบบครบเซ็ต
เสียงเรียกชวนซื้อจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าโดยมีคำลงท้ายว่า “เจ้าคะ เจ้าค่ะ ขอรับ” แบบไทยดั้งเดิม อดไม่ได้ที่จะทำให้เรามองด้วยความสนใจและเดินไปยังโซนที่เรียกว่าย่านสามแพร่ง ย่านเยาวราช ย่านบางรัก จำลองตลาดแบบคึกคัก ซึ่งจะขายทั้งขนมไทยแบบโบราณ ไม่ว่าจะเป็นจ่ามงกุฏ บ้าบิ่น ขนมทองเอก ขนมน้ำดอกไม้ ขนมครกหอมกรุ่น ล้วนทำกันแบบสดใหม่ ถ่ายทอดวิถีดั้งเดิมโดยใช้เตาถ่านอย่างพิถีพิถัน และร้านเครื่องคาวหวานมากมายจนเลือกสรรไม่ถูก ทั้งร้านหมูสะเต๊ะที่เขาการันตีว่ากลิ่นยั่วยวนใจ หรือร้านยำส้มโอที่อร่อยจนต้องยกนิ้วโป้งให้
พร้อมกับบริการร้านนวดแผนไทย ร้านน้ำอบ-น้ำหอมกลิ่นโชยเตะจมูก ฟินแบบถึงใจ
ช็อปและอิ่มอร่อยที่ย่านการค้าบนบกไปแล้ว มาต่อกันที่โซนค้าขายสัญจรทางน้ำอย่างเรือนแพ ที่บรรยากาศดีต่อใจแบบเอาไปเลยพัน Like เพราะรวบรวมวิถีการค้าขายแบบสมัยก่อนทั้งร้านขนมจีน ก๋วยเตี๋ยวเรือโบราณ และร้านข้าวแกง ซึ่งนำเมนูทรงโปรดของรัชกาลที่ 5 มาเป็นจุดขาย รวมถึงร้านกาแฟตงฮูสุดฮิปคลาสสิคถูกใจวัยเก๋าสุดๆ อีกทั้งยังมีของชำร่วยของฝากให้ซื้อติดไม้ติดมือมากมาย
ฟินจนพุงแตกไปแล้ว ถึงเวลาที่ได้มาผ่อนคลายด้วยการเดินชมและถ่ายรูปงามอย่างไทยสักที กับโซนเรือนเดี่ยว หรือเข้าใจง่ายๆคือเรือนชาวบ้าน ซึ่งจำลองความเป็นอยู่วิถีของชนชั้นกรรมาชีพและชาวนา ทั้งทำไร่ ทำนา ปลูกผัก ที่จะได้สัมผัสภูมิปัญญาแบบชาวบ้านแท้จริง พร้อมชมโรงครัวที่แสดงกรรมวิธีดั้งเดิมกับการฝัดข้าว ตำข้าว และการหุงข้าวเตากระทะใบบัวอย่างเพลิดเพลิน ซึ่งล้วนตื่นตาตื่นใจมาก
ถัดมาเป็นเรือนคหบดีจำลองความเป็นอยู่ของชนชั้นปกครอง เน้นกิจกรรมงานฝีมือเป็นหลัก ให้เราได้เรียนรู้วิธีการประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ทั้งงานใบตอง งานดอกไม้ งานแกะสลักที่ผู้หญิงจะต้องหลงใหลโดนใจสุดๆ เนื่องจากเป็นงานประณีตแบบสวยงาม พร้อมทั้งแสดงการหุงข้าวด้วยเตากระทะและการประกอบอาหารแบบโบราณ ที่ชวนให้ท้องร้องกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีหอชมเมืองสูงๆ ซึ่งจำลองมาจากหอคอยคุกไว้สำหรับชมทัศนียภาพโดยรอบแบบเต็มอิ่ม และลานมะลิห๊อมหอม ที่รวบรวมมะลิพันธุ์ต่างๆไว้ให้ดูสบายตาและสูดดมอย่างชื่นใจ
สิ่งที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่งเลยคือการแชะภาพเก๋ๆ งามๆ กับการแต่งกายแบบโบราณผสมผสานกับความคลาสสิคที่มีฉากหลังเป็นสถาปัตยกรรมลงตัว
สุดท้ายคือ เรือนหมู่ สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง สะท้อนวิถีชีวิตของนาฏศิลป์ไทยด้วยความอลังการ พร้อมอร่อยกับมื้อเย็นด้วยสำรับเมนูอาหารไทยสุดวิจิตรบรรจงที่เห็นแล้วต้องหยิบ smartphone ขึ้นมาถ่าย และเมนูไฮไลท์คือแกงมัสมั่นไก่ หมี่กรอบหอมกลมกล่อมผสมส้มซ่ารสหวานกำลังดี แกงบวนไร้กลิ่นคาว น้ำพริกขี้กาเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ น่ารับประทาน
ขนมไทยอย่างเช่น ช่อม่วง ที่มีลักษณะเป็นรูปดอกไม้ที่ต้องใช้ความประณีตแฝงด้วยศิลปะของอาหารชาววัง และผลไม้ล้างปาก พร้อมชมการแสดงแบบไทยแท้ไม่ว่าจะเป็น ลาวกระทบไม้ การแสดงเชิดหุ่น กระบี่กระบอง และโขน เป็นต้น
เรียกได้ว่าเมืองมัลลิกานี่เริ่ดแทบทุกตารางนิ้ว ตอบโจทย์คนอยากมี feeling ย้อนยุคกันแบบสุดๆ บวกกับให้รู้ซึ้งถึงเรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังในอดีตที่เกือบจะเลือนหาย สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศวิถีชนแบบดั้งเดิมกับอดีตที่แสนสวยงามน่าหลงใหล พร้อมหรือยังที่จะย้อนยุคไปด้วยกัน...
เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 จ.กาญจนบุรี
ที่อยู่: 168 ม.5 สิงห์ ไทรโยค กาญจนบุรี 71150
โทรศัพท์: 034-540884
เว็บไซต์ : http://www.mallika124.com/
e-mail : [email protected]
facebook :www.facebook.com/MallikaR.E.124/
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 9:00 น.- 20:00 น.