น่านไง! รีวิวทริปขับรถเที่ยวน่านสายเขียว เที่ยวได้ไม่มีเบื่อ
สำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวในบรรยากาศสงบ เต็มอิ่มเต็มตาไปด้วยธรรมชาติสะอาดบริสุทธิ์ที่รายล้อมอยู่รอบตัว น่านถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเลยละ แต่ไปเที่ยวน่านในช่วงนี้ ต้องมีใบรับรองผลการตรวจว่าปลอดโควิดในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือใบรับรองการฉีดวัคซีนครบโดสมาไม่ต่ำกว่า 14 วันด้วยนะ แล้วถ้าจะให้สบายกระเป๋า เราขอแนะนำให้ไปส่องตั๋วเครื่องบินน่านกับ Traveloka เค้าเลยจ้า จองก็ง่ายแถมยังได้ราคาดี เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจตอนนี้แบบสุดๆ เลยละ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยน้า ว่าทริปขับรถเสพธรรมชาติเมืองน่านคราวนี้ เรามีที่เที่ยวที่ไหนมาฝากกัน
แนะนำสำหรับใครที่อยากจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ในราคาโดนใจ หรือว่าไม่พลาดตั๋วเครื่องบินราคาโปร ให้เข้าไปในแอพ Traveloka แล้วกดแจ้งเตือน Price Alerts ไว้ได้เลย รับรองว่าคุณจะไม่พลาดแม้แต่โปรเดียว เพราะแอพจะค่อยแจ้งเตือนราคาตั๋วเครื่องบินทันที เมื่อมีตั๋วเครื่องบินในราคาที่คุณค้นหา และก่อนออกเดินทางไปน่านก็อย่าลืมเข้าไปเช็คมาตรการสนามบินได้ที่ > https://www.traveloka.com/th-th/flight/safe-travel
ทางไปจองตั๋วเครื่องบินไปน่าน กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Nan.NNT
จองรถเช่า และเช่ารถขับเที่ยวน่าน กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/car-rental
ทริปขับรถเที่ยวน่านเอาใจสายเขียว
ลงเครื่องปั๊บ เราก็ขอชวนออกสตาร์ทจากสนามบินเมืองน่านด้วยการมุ่งหน้าไปยัง น้ำตกตาดหลวง น้ำตกสวยในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ในเขตอำเภอยอดฮิตอย่างปัว ตัวน้ำตกมีหลายมุมสวยให้ดูกัน มีสะพานไม้และเส้นทางท่ามกลางธรรมชาติแจ่มๆ ให้เดินชมเพื่อผ่านไปยังชั้นต่างๆ ของตัวน้ำตกด้วยนะ นอกจากวิวสวยแล้ว น้ำตกนี้ยังเป็นแหล่งที่มีปลาพลวงอาศัยอยู่แบบแน่นๆ เลยจ้า บอกเลยว่าเย็นฉ่ำชื่นใจ หายเหนื่อยหายเพลียจากการเดินทางไปได้เยอะเลยละ
อีกหนึ่งน้ำตกซึ่งอยู่ห่างกันแค่ขับรถประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ก็คือ น้ำตกศิลาเพชร น้ำตกขนาดใหญ่ที่มีชั้นลดหลั่นกัน 3 ชั้น และมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำที่ค่อนข้างเหมาะกับการลงเล่นน้ำเลยละ หรือจะแค่ไปแวะนั่งพักชมธรรมชาติ เอาเท้าจุ่มน้ำนั่งกินของว่างกรุบกริบเรียกความกระชุ่มกระชวยก็ได้นะ เป็นอีกพิกัดที่เรียกความสดชื่นได้ดีเลย
จากน้ำตกศิลาเพชรราวๆ 10 นาที เราก็มาถึงที่ วัดศรีมงคล หรือวัดบ้านก๋ง วัดสวยเก่าแก่ในกลิ่นอายสไตล์ล้านนา ที่นอกจากจะได้แวะมาไหว้พระเสริมความเป็นสิริมงคลแล้วนะ วัดนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมข้าวของโบราณสารพัดอย่างเอาไว้ให้ชมกันมากมาย ด้านหลังวัดยังมีบรรยากาศสวยๆ ของทุ่งนากว้างใหญ่ ที่มีแบ็คกราวนด์เป็นความอลังการของดอยภูคา ซึ่งเราสามารถลงไปเดินเล่นบนสะพานไม้ไผ่ที่ทอดตัวยาวกลางทุ่ง แวะนั่งชิมกาแฟและกินอาหารในฟีลสบายๆ แวะไปเถอะ รับรองได้ว่าชิลล์
เสพธรรมชาติกันมาแบบรัวๆ พอจุใจ พิกัดต่อไปเราจึงขอปักหมุดไปยัง ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ ร้านกาแฟบรรยากาศดีที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังร้านลำดวนผ้าทอ ร้านขายผ้าทอและเสื้อผ้าสไตล์ท้องถิ่นที่สวยงามเรียบง่ายแต่ดีเทลและฝีมือไม่ธรรมดา ใครชอบผ้าทอผ้าไทยก็แวะกระจายรายได้กันที่นี่ได้เลยจ้า แล้วค่อยเอาเสื้อผ้าที่ช้อปไว้ไปนั่งชื่นชมกันต่อในมุมคาเฟ่กลางนาที่อยู่ด้านหลังให้สบายใจ จะเป็นสายธรรมชาติหรือสายช้อปก็ฟินได้ที่นี่พร้อมๆ กันเลยละ
เสพความเขียวกันมาหลายพิกัด เราก็เลยขอตัดอารมณ์เปลี่ยนฟีลมาเป็นแนวผจญภัยกันใน วังศิลาแลง ที่หลายคนขนานนามให้เป็นแกรนด์ แคนยอนแห่งเมืองปัวเลยละ พื้นที่ตรงนี้เกิดจากรอยเลื่อนของเปลือกโลกรวมกับการกัดเซาะของกระแสน้ำมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนาน จนเกิดเป็นวังน้ำถึง 7 วัง ในระยะทางราว 400 เมตร ไหลเลาะผ่านผาหินสลับซับซ้อนสวยงามแปลกตา ช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมนับเป็นช่วงที่เที่ยวได้สบายเพราะอากาศดี แถมยังพอมีน้ำไหลผ่านแบบไม่เชี่ยวเกินไป เป็นอีกแลนด์มาร์คในอำเภอปัวที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ
วัดภูเก็ต เป็นอีกหนึ่งพิกัดเด็ดที่มาถึงปัวแล้วพลาดไม่ได้ เพราะเป็นอีกวัดที่อยู่ในทำเลสวยด้วยวิวทุ่งนาผืนใหญ่ซึ่งมีฉากหลังเป็นดอยภูคา ให้อารมณ์ใกล้เคียงกันกับวัดศรีมงคลเลยละ แต่เราว่าที่นี่ค่อนข้างสงบกว่า แถมยังว่ากันว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมากด้วยนะ ไหว้พระเสร็จแล้วก็สามารถเดินเล่นบนสะพานไม้กลางทุ่งนาที่อยู่ด้านหลังได้ หรือจะนั่งจิบเครื่องดื่ม กินอาหารหรือของว่างสบายๆ รับลมเย็นๆ ยามบ่ายก็ฟินใช้ได้เลยละ มาปัวแล้วต้องจัดเน้อ
เราเลือกพักที่ Cocoa Valley ในอำเภอปัวนี่ละ เพราะจะได้เปลี่ยนฟีลจากความสวยชิลล์ของทุ่งนาเขียวๆ มาเป็นการได้อยู่ท่ามกลางสวนโกโก้อันร่มรื่นแห่งเดียวของเมืองน่าน นอกจากที่พักจะน่ารักน่าชังแล้วนะ ที่นี่ยังมีการเปิดโอกาสให้เราได้ร่วมเวิร์คช็อปสัมผัสประสบการณ์การเป็นชาวสวนด้วยการไปเก็บลูกโกโก้จากต้น ได้ชิมกันสดๆ จนถึงได้ไปลองกระบวนการทำช็อคโกแลตแบบแฮนด์เมดกันด้วยจ้า เก๋นะ ว่าไม่ได้!
เช้าวันต่อมา เก็บข้าวของออกสตาร์ทกันให้ไวหน่อยน้า จะได้ชมวิวสวยๆ และอากาศเย็นสบายบนถนนลอยฟ้า ก่อนไปแวะที่ จุดชมวิว 1715 ซึ่งนับว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของอำเภอปัว และสวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองน่านด้วยละ ตัวเลข 1715 นั้นคือความสูงจากระดับน้ำทะเล ณ จุดนี้ เพราะฉะนั้น ในวันที่สภาพอากาศเป็นใจ ที่นี่จึงจะมีทะเลหมอกขาวๆ ลอยปกคลุมยอดเขาเขียวๆ ให้ดูกันแบบจัดหนักจัดเต็มในช่วงเช้า รับรองว่าว้าวคุ้มการตื่นเช้าแน่จ้า ไม่เชื่อแวะมาดูเองเลย
ขับรถต่อมาอีกครึ่งชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น ก็จะได้มาเช็คอินกันที่ หมู่บ้านสะปัน แล้วจ้า นาทีนี้ถ้ามาน่านแล้วไม่มาที่นี่ ก็คงเรียกได้ว่าพลาดพิกัดเด็ดกันเลยละ เพราะหมู่บ้านในอ้อมกอดขุนเขาที่รายล้อมไปด้วยสีเขียวเกือบจะ 360 องศาแห่งนี้ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ฮิปและปังเว่อร์จ้า ด้วยธรรมชาติแบบสดชื่นสะอาดปอดที่สัมผัสได้ทันทีเมื่อลงรถมา รอบตัวคือทุ่งนากว้าง กลางหมู่บ้านมีลำน้ำสายเล็กๆ ไหลผ่าน นี่มันหมู่บ้านในฝันเลยละ!
สัมผัสความสวยสงบสยบความเคลื่อนไหวในหมู่บ้านกันไปแล้ว อีกพิกัดที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงที่นี่ก็คงต้องเป็นที่ น้ำตกสะปัน นี่ละ น้ำตกนี้เป็นน้ำตกขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า ซึ่งเราต้องเดินเข้ามาในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางประมาณ 800 เมตรจ้ะ ตลอดเส้นทางเดินนั้นร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และกลิ่นอายสดชื่นของผืนป่า ตัวน้ำตกสะปันนั้นมีทั้งหมด 3 ชั้นในหน้าตาแตกต่างกันไป ใครอยากแวะเล่นน้ำก็ได้ ใครอยากวักน้ำล้างหน้าเรียกความสดชื่นก็ดี เป็นอีกพิกัดที่สายเขียวแฮปปี้แน่นอน
เรียกความสดชื่นจากน้ำตกกันให้ตื่นเต็มที่ ก่อนจะขับรถต่อยาวๆ ไปเช็คอินที่ ทางโค้งหมายเลข 3 ซึ่งถึงเป็นไฮไลท์ของเมืองน่านอีกแห่งที่มาแล้วต้องได้รูปกลับไป ตลอดสองข้างทางที่ขับรถมุ่งหน้ามายังจุดเช็คอินยอดฮิตตรงนี้ สวยสดชื่นตากับผืนป่าและต้นไม้สีเขียวไปเกือบตลอดทาง ช่วงโค้งซึ่งเป็นรูปเลข 3 แห่งนี้มีระยะทางประมาณ 300 เมตร ใครอยากได้ช็อตเด็ดแนะนำให้มากันช่วงเช้าเลยจ้ะ เพราะจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้านหลังทางโค้งนี้ด้วยนะ แถมคนก็ยังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่การมาถ่ายรูปตรงนี้ต้องระวังรถราซักนิดน้า เล็งจังหวะดีๆ ล่ะ จะได้มีรูปสวยๆ กลับไปอย่างปลอดภัย
แวะแชะรูปกับมุมเก๋ๆ จนสะใจ ก็อยากชวนให้บึ่งรถกันต่อแบบยาวๆ ไป ดอยเสมอดาว เลยจ้า จะมาสัมผัสธรรมชาติกันให้จุใจทั้งที แถมยังมาในช่วงอากาศดีๆ ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ด้วยนะ จะไม่มากางเต็นท์นอนดูดาวกันซักคืนก็คงน่าเสียดาย และดอยเสมอดาวก็คือ the best แห่งหนึ่งในเมืองน่านเลยด้วยจ้ะ จะไม่มายังไงไหว ช่วงที่ผ่านมาที่นี่ปิดให้บริการกันไปก่อนจะกลับมาเปิดใหม่ในวันที่ 16 ตุลาคมนี่เองจ้า โทรไปจองเต็นท์ล่วงหน้าก่อนก็ดีนะ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะเล็งที่นี่ไว้เหมือนกัน
ขับรถมาอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เราก็จะมาถึงอีกหนึ่งแหล่งเช็คอินหลักของเมืองน่านอย่าง เสาดินนาน้อย - คอกเสือ อีกหนึ่งพิกัดที่แปลกตาและหาชมได้ไม่กี่แห่งเท่านั้นในเมืองไทย กับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สร้างให้เกิดเป็นเสาและกำแพงดินสูงใหญ่ ซึ่งผ่านการกัดเซาะของน้ำและลมมานานปี ในพื้นที่กว่า 20 ไร่ จนกลายเป็นอีกพิกัดที่น่ามาเดินเล่นหาแบ็คกราวนด์แปลกๆ แชะรูปกลับไป ให้ฟีลแบบทะเลทรายนิดๆ จูราสสิกหน่อยๆ นะ เก๋จะตาย
จากพิกัดธรรมชาติทั้งหลาย ก็ถึงเวลาขับรถกันต่อไปอีกราวชั่วโมงกว่าๆ เพื่อมุ่งหน้าสู่ อุโมงค์ลีลาวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ในตัวเมืองกัน แนะนำให้เดินชมข้าวของโบราณล้ำค่าในตัวพิพิธภัณฑ์กันก่อนนะ เพราะเค้าเก็บรวบรวมเรื่องราวและโบราณวัตถุที่สำคัญของเมืองน่านที่น่าสนใจเอาไว้ไม่น้อยเลยละ พอแดดร่มๆ ก็จะได้เวลามาแชะรูปชมความสวยของอุโมงค์ต้นลีลาวดีที่อยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์กัน มาถ่ายรูปช่วงนี้มันก็จะได้ฟีลเขียวๆ ร่มรื่นสดชื่นสบายตาดีนะ สวยไปอีกแบบเลย
ไม่ไกลกันมากจากพิพิธภัณฑ์ฯ เราเลือกจะมาบอกลาทริปเมืองน่านกันที่ วัดพระธาตุเขาน้อย เพราะนอกจากเราจะได้มากราบสักการะขอพรพระเกศาธาตุขององค์พระพุทธเจ้าที่ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์ของวัดนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวเมืองน่านในมุมสูงที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วยนะ เพราะวัดเก่าแก่แห่งนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 240 เมตรเลยจ้า วอร์มแข้งขากันซักนิดก่อนเดินขึ้นบันไดสูงไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ จะได้ขาไม่สั่นกันระหว่างเดินขึ้นบันได!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมน่านจึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตลอดเวลา เพราะเมืองเล็กเมืองนี้นั้นเป็นเมืองที่ร่ำรวยไปด้วยธรรมชาติที่ยังค่อนข้างบริสุทธิ์ซึ่งนับวันทุกคนก็ยิ่งโหยหา มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประจำถิ่นที่งดงามเรียบง่าย เป็นเมืองที่คนรักความเขียวขจีของต้นไม้และหลงใหลความสงบต้องถูกใจ ปลายฝนต้นหนาวที่จะถึงนี้ลองวางแผนปักหมุดไปชิลล์ที่เมืองน่านกันดูนะ อยู่แต่ในบ้านกันมานาน ร่างกายคงต้องการเสพความสดชื่นของธรรมชาติบ้างละ เชื่อเรา!