พาไปเที่ยวพิษณุโลก 2 วัน 1 คืน แบบ Road Trip
ในบรรดาเมืองรองในดวงใจที่มีบรรยากาศสงบไม่วุ่นวายพลุกพล่าน เหมาะกับการไปใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติห่างไกลจากแสงสี เชื่อว่าต้องมีพิษณุโลกติดอยู่ในโผของหลายคนเลยเชียวละ เพราะที่นี่คือพิกัดซึ่งเราสามารถเห็นสีเขียวของต้นไม้ได้ตลอดเวลา ได้เจอกับอัธยาศัยและวิถีชีวิตอันเรียบง่ายน่ารักของผู้คนในท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้เหล่าคนรักธรรมชาติและวัฒนธรรมฟินสุดๆ เชียวละ ถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะไปไหนดี วันนี้เราเอาแพลนเที่ยวพิษณุโลกมาฝากสายลุยสาย Activities กันแล้วจ้า ใครอยากตามรอยก็ไปส่องตั๋วเครื่องบินพิษณุโลกกับ Traveloka Travel & Lifestyle Super App พร้อมจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก หรือว่ารถรับส่งสนามบิน รวมถึงเช่ารถ รถเช่าก็มีครบเลย เปิดแอพแล้วไปจอง พร้อมแล้วมาลุยไปพร้อมกันได้เลย
จองตั๋วเครื่องบินไปพิษณุโลก กับ Traveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Phitsanulok.PHS
จองรถเช่า หรือเช่ารถ กับ Traveloka > https://www.traveloka.com/th-th/car-rental
แพลนขับรถเที่ยวพิษณุโลก 2 วัน 1 คืน
มั่นใจว่าในปี พ.ศ.2565 นี้ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรมหาวิหาร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดใหญ่ ต้องเป็นพิกัดที่สายบุญและสายมูตั้งเป้าปักหมุดว่าต้องไปให้ได้แน่นอนใช่มั้ยล่ะ? เพราะนอกจากที่นี่จะมีองค์พระพุทธชินราชซึ่งได้ชื่อว่างดงามที่สุดในประเทศไทย รวมถึงยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะกันแบบแน่นๆ แล้วนะ ที่นี่ยังมีองค์ท้าวเวสสุวรรณซึ่งประทับนั่งองค์เดียวในประเทศไทย และว่ากันว่าอาจจะเป็นองค์ที่เก่าแก่ที่สุดเลยด้วยน้า ถ้าเป็นสายมูแล้วปีนี้ไม่ได้กราบขอพรท้าวเวสสุวรรณก็ถือว่าเอ๊าท์นะจ๊ะ ไม่อยากตกเทรนด์ต้องรีบมาให้ไว
หลังจากแวะกราบพระขอพรเอาฤกษ์เอาชัยกันเสร็จสรรพ ก็ได้เวลาขับรถมุ่งหน้าไปเช็คอินกันที่ ต้นไม้รูปหัวใจ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของบ้านสวนชมวิว อำเภอเนินมะปราง เป็นพิกัดต่อไปเลยจ้า ใช้เวลาขับรถกันชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงแล้วละ ที่นี่เป็นทั้งจุดชมวิว ที่พัก และแลนด์มาร์คของอำเภอนี้ แวะเช็คอินถ่ายรูปมุ้งมิ้งกับต้นไม้และชิงช้า แถมยังได้พักสายตากับวิวมุมสูงสวยๆ ต่อด้วยการหาอะไรรองท้องก่อนมุ่งหน้าพิกัดต่อไป ถ้าใครมีเวลามากกว่าเราจะแวะนอนค้างกันซักคืนก็ได้นะ รับรองว่าชิลล์
จากต้นไม้รูปหัวใจ เราขอชวนมุ่งหน้าต่อไปยัง บ้านมุง ซึ่งเป็นพิกัดหลักในทริปนี้ ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสงบเงียบเรียบง่าย ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก แต่เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมของธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา โดยมีจุดเด่นเป็นเทือกเขาหินปูนขนาดใหญ่ จนหลายคนยกให้เป็นกุ้ยหลินเมืองไทยกันเลยจ้า ด้วยบรรยากาศสบายๆ แถมยังอากาศดี ทำให้ที่นี่เริ่มเป็นที่รู้จักและมีผู้คนมาเยือนมากขึ้นเรื่อยๆ เลยละ ทริปนี้เราชวนค้างคืนกันที่นี่เลยน้า นอนชมบรรยากาศดีๆ แถมยังมีอาหารท้องถิ่นรสเด็ดให้ชิมอีกหลายเมนูด้วยจ้ะ บอกเลยว่าเพลิน
ใครที่ชอบความแอดเวนเจอร์เร้าใจ ชอบความท้าทาย อยากได้อารมณ์ตื่นเต้นเป็นประสบการณ์ ห้ามพลาดการมา ปีนเขาหินปูนร่องเรือตาหมื่น โดยเด็ดขาด เพราะนี่คือพิกัดสุด Unseen ซึ่งดูด้วยตาเปล่าแล้วไม่น่าจะปีนขึ้นไปได้ การปีนเขาลูกนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง กับระยะทางราวๆ 1 กิโลเมตร บางช่วงมีบันไดเหล็กสูงชันให้เดิน บางช่วงต้องปีนป่ายโขดหิน บางช่วงต้องปีนพร้อมทั้งไต่เส้นเชือกที่มีให้ไปตลอดทาง ฟังดูอันตรายแต่ไม่ต้องห่วงจ้ะ เพราะเค้าจะมีพรานท้องถิ่นตามประกบกันแบบใกล้ชิดไปตลอดเลยนะ ที่เริ่ดก็คือด้านบนมีแคร่ให้ไปนอนค้างคืนกันได้ด้วยจ้า รอบปีนเขามีหกโมงเช้ากับบ่ายสามครึ่งนะ อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกก็จองล่วงหน้าไปก่อนล่ะ ไม่งั้นอดขึ้นมาไม่รู้ด้วย!
หลังจากแอดเวนเจอร์กันจนจุใจ ช่วงเย็นวันนี้เราจึงขอปิดท้ายกันด้วยการชมอีกหนึ่งไฮไลท์ของบ้านมุงอย่าง ฝูงค้างคาวหน้ายักษ์เล็กจมูกปุ่ม ซึ่งจะบินออกจากถ้ำมาหากินในช่วงประมาณหกโมงเย็นของทุกวัน โดยเราจะได้เห็นฝูงค้างคาวนับล้านตัวบินเรียงกันเป็นสายยาวหลายกิโลเมตรเลยเชียวละ ยืนดูชิลล์ๆ โดยมีแบ็คกราวนด์เป็นท้องฟ้าไล่โทนสีก็สวยดีนะ เป็นการปิดท้ายวันในบ้านมุงแบบสบายๆ หลังจากใช้แรงปีนเขามาแล้วอย่างหนักหน่วงจ้า รับรองว่าคืนนี้หลับปุ๋ยชัวร์ๆ
เช้าวันต่อมา ขอชวนออกเดินทางมุ่งหน้าต่อไปยัง ลานหินปุ่ม ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อีกพิกัดที่เหมาะจะมาชมวิวสวยในช่วงเช้ากัน เพราะตรงนี้เป็นหน้าผาหินสูง 1,262 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศที่แปลกตาเพราะเต็มไปด้วยปุ่มหินสูงประมาณ 15 - 30 เซนติเมตร กระจายอยู่ทั่วไปบริเวณริมผา สันนิษฐานกันว่าปุ่มหินเหล่านี้นั้นเกิดจากการเสียดสีจากลมหรือฝนมาเป็นเวลาเนิ่นนาน นอกจากจะได้เห็นวิวสวยๆ พร้อมแสงแรกของวันแล้วนะ บนนี้ยังอากาศเย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี เป็นอีกพิกัดที่พลาดไม่ได้เลย
อีกหนึ่งไฮไลท์ในอุทยานฯ ก็ต้องมาเช็คอินกันที่ ลานหินแตก นี่ละ ที่นี่เป็นลานหินกว้างโล่งเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ ซึ่งเต็มไปด้วยรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยกกระจายตัวอยู่ทั่วไป บางรอยนั้นใหญ่ขนาดต้องทำสะพานให้เดินข้าม ในขณะที่บางรอยนั้นเล็กแค่ก้าวผ่านไปได้ ระหว่างทางจะมีไม้ดอกไม้ใบสวยๆ ให้ดูกันเป็นระยะ มาเช้าๆ แดดอ่อนๆ อากาศจะสบายกว่านะ แนะนำว่ารีบมาหน่อยแล้วกัน
ออกจากอุทยานฯ หลังสมบุกสมบันกันมาจนพอใจ อยากชวนแวะไปชิลล์กับการ ล่องแพในอ่างเก็บน้ำแก่งไฮ ในอำเภอนครไทยกันจ้า ที่นี่เราจะได้ผ่อนคลายกับแพส่วนตัวไซส์พอเหมาะพอดี ที่เค้าจะมีบริการเรือลากออกไปกลางน้ำ ให้เราชิลล์กันตามอำเภอใจ ไม่ว่าจะลงเล่นน้ำ ตกปลา หรือจะสั่งอาหารมากินกันท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ที่นี่เค้าคิดค่าแพในราคาเหมาจ่ายทั้งวันนะ อยากเพลินกันนานแค่ไหนก็ตามใจเลยจ้า เอาให้หายเหนื่อยจากที่ต้องแอดเวนเจอร์หนักๆ มาได้เลย
ระหว่างทางขับรถกลับ อยากชวนให้ลองไปเช็คอินกันที่ น้ำตกแก่งซอง ซึ่งอยู่ระหว่างทาง ที่นี่เป็นพิกัดที่ชาวพิษณุโลกมักจะมาใช้เวลาว่างในวันหยุดเพื่อเล่นน้ำคลายร้อนกัน มีร้านอาหารและร้านให้เช่าอุปกรณ์เล่นน้ำเปิดบริการอยู่หลายร้านเชียวละ ช่วงหน้าแล้งน้ำจะน้อยแต่ใส ทำให้เหมาะกับการไปพักผ่อนกันแบบสุดๆ เลยจ้า ช่วงหน้าฝนน้ำจะหลากรุนแรงเกินไปไม่เหมาะจะมาเที่ยวกันนะ แต่ถ้าใครอยากล่องแก่งแบบมันๆ ให้มาช่วงนั้นเลยจ้า เลือกมาตามที่อยากเลย
พิกัดสุดท้ายก่อนบอกลาทริปนี้ เราไปกราบขอพรกันที่ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ในยุคอดีตนั้น บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของพระราชวังจันทน์อันเป็นสถานที่พระราชสมภพขององค์พระนเรศวรมหาราช จึงมีการสร้างศาลซึ่งมีลักษณะเป็นศาลาไทยโบราณทรงตรีมุข ที่ด้านในประดิษฐานรูปปั้นขนาดเท่าพระองค์จริงของท่านไว้ให้ผู้คนได้มากราบไหว้สักการะกัน เป็นพิกัดส่งท้ายทริปที่รับประกันว่าสายมูน่าจะถูกใจ
นี่เป็นแค่ที่เที่ยวบางส่วนในจังหวัดพิษณุโลกเท่านั้นนะ จริงๆ แล้วยังมีสถานที่ให้แวะมาเช็คอินกันอีกจุกๆ เลยจ้า เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาในการเดินทางมากน้อยต่างกันไป ถ้าใครเป็นสายลุยรักการผจญภัยแต่ไม่อยากใช้วันลาหยุดงานนานๆ ลองมาเที่ยวตามแพลนของเรากันก่อนได้เลยจ้า ใช้แค่วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ก็มามันกันได้แล้วนะ รับรองว่าคุ้มค่าการเดินทางอย่างแน่นอน